วันนี้ (15 กันยายน) THE STANDARD สัมภาษณ์สดถามตรงทุกประเด็น กับนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย เศรษฐา ทวีสิน ดำเนินรายการโดย เคน-นครินทร์ วนกิจไพบูลย์
เศรษฐากล่าวถึงการร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ ถือเป็นการผิดสัญญา ตระบัดสัตย์ต่อประชาชนหรือไม่ว่า เป็นความจำเป็นทางคณิตศาสตร์ เพราะผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเลือกตั้งมาเป็นลำดับที่ 2 และได้จับมือกับพรรคอันดับ 1 ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่สามารถผ่านด่านสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ และพรรคเพื่อไทยไม่มีทางออกอื่น
“ผมยังมีอีก 10 ล้านเสียงที่ต้องการให้ผมเป็นรัฐบาล เพื่อนำนโยบายดีๆ มาแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้อง ให้ต้องไปจับมือกับพรรคอื่น ประเทศชาติไม่สามารถเดินต่อไปได้ และคนที่เดือดร้อนคือประชาชน” เศรษฐากล่าว
เมื่อถามว่า สัญญาที่ให้กับประชาชนไว้ถือว่าเป็นการผิดสัญญาหรือโกหกประชาชนหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า ตนเองไม่อยากให้ใช้คำว่าโกหก แต่เป็นผลการเลือกตั้งที่ออกมาที่ไม่มีทางออกอื่น เราไม่สามารถรอเวลา 9 เดือนเพื่อให้ สว. หมดอายุได้อย่างแน่นอน ประชาชนรอไม่ได้ หากจะพูดว่าผิดคำให้สัญญาก็เป็นไปตามคณิตศาสตร์ที่ออกมาชี้นำให้เราเข้ามาทำงาน รวมถึงนำนโยบายที่ดี เป็นการทำให้ประชาชนหลายคนสบายใจขึ้นหรือไม่นั้นตนเองไม่ทราบ แต่ที่เข้ามาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีในวันนี้ตนเองมีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชนอย่างเต็มความสามารถ
ส่วนการตัดสินใจครั้งนี้ทำให้ต้นทุนของพรรคเพื่อไทยลดลงนั้น เศรษฐากล่าวว่า เราต้องเรียกศรัทธากลับคืนมา ต้องทำงานอย่างหนักจนลืมความเหน็ดเหนื่อย ต้องซื่อสัตย์สุจริตในการบริหารจัดการ ทำนโยบายที่ดีออกมาอย่างเร็วที่สุด ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่สามารถทำได้
“ต้องยอมรับ และไม่มีเหตุผลอื่น ต้องยอมรับ เป็นจุดยืนของแต่ละคน ตื่นเช้าขึ้นมาก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป เข้าใจว่าเราเสียต้นทุนไปจำนวนมาก เราเองก็เทหมดหน้าตักที่จะเข้ามาบริหารจัดการตรงนี้ ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลก็ทราบว่ากระแสสังคมเป็นอย่างไร ก็ต้องทำนโยบายที่ดีให้พี่น้องประชาชน” เศรษฐากล่าว
ส่วนการพบกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น เศรษฐากล่าวว่า ประเทศไทยยังไม่เคยมีการส่งมอบงานกับคนที่มีความเห็นต่างกันมาก่อน ตนเองเป็นคนเสนอเรื่องนี้เอง และมีหลายคนในพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วย แต่ตนเองคิดว่าเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว แม้จะมีความไม่เห็นด้วยในหลายเรื่องก็มีอีกหลายเรื่องที่เราต้องการจะสานต่อ อยากมีการพูดคุยกับ พล.อ. ประยุทธ์เพื่อสานต่อนโยบาย เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน จะมีการพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นลักษณะของผู้ใหญ่สองคนที่มีการพูดคุยกัน และฝากฝังงานเท่านั้น อะไรที่ดีก็พร้อมที่จะทำต่อ
