ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมานี้ บริษัทคริปโตขนาดเล็กที่เคยถูกมองว่ามีความเสี่ยงจากตัวแพลตฟอร์มที่สูงกว่า ต่างมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้ประโยชน์จากการที่ Binance แพลตฟอร์มเทรดคริปโตชั้นนำของโลก เริ่มชะลอตัวทางธุรกิจด้วยปัจจัยกดดันของฝ่ายกำกับดูแลในสหรัฐอเมริกา
จากข้อมูลของ CCData บริษัทด้านการวิจัยข้อมูล พบว่า บริษัทคริปโตอย่าง Huobi Global และ KuCoin คือสองบริษัทเทรดคริปโตที่ได้ประโยชน์มากที่สุด โดยมีการเติบโตของปริมาณการเทรดเหรียญ Bitcoin และ Ethereum บนแพลตฟอร์มมากที่สุด จากเหตุการณ์ชะลอตัวของ Binance
ข้อมูลดังกล่าวยังเผยอีกว่า แพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่ถูกมองว่าเป็น ‘Top Tier’ (ชั้นนำ) ตามการนิยามของ CCData (เงินสำรองสูง, ความปลอดภัยสูง, ป้องกันฟอกเงินสูง เป็นต้น) มีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมจาก 80% เหลือเพียงแค่ 68% นับจากต้นปี
โดยในจำนวนดังกล่าว Binance มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่หดตัวลงจาก 56% เหลือ 40% นับจากต้นปี ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับ Coinbase แพลตฟอร์มเทรดคริปโตชั้นนำในสหรัฐฯ
ในขณะที่นับจากต้นปี 2023 แพลตฟอร์ม Huobi Global, DigiFinex และ KuCoin มีการเติบโตจากส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 6%, 3.5% และ 1.3% ตามลำดับ
ซึ่งการฟ้องร้องจากทั้ง CFTC (Commodity Futures Trading Commission) และ SEC (Securities Exchange Commission) ของสหรัฐฯ ต่อ Binance มีผลต่อนักลงทุนในการเลือกเทรดในแต่ละแพลตฟอร์มพอสมควร
Tom Robinson ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนักวิทย์ และผู้ร่วมก่อตั้ง Elliptic บริษัทด้านข้อมูลบนบล็อกเชน ชี้ว่า นักเทรดคริปโตจำนวนมากคิดว่า แพลตฟอร์มที่ไม่โด่งดังหรืออาจจะมีแหล่งในการแลกเปลี่ยนเงินที่มีความเสี่ยงสูง มีความสำคัญมากกว่าไปเทรดบนแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงในด้านการถูกกำกับดูแล
CK Zheng ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานด้านการลงทุนของ ZX Squared Capital กล่าวว่า ในครั้งนี้อาจเป็นโอกาสสำหรับแพลตฟอร์มเล็กๆ ที่ยังให้บริการและเป็นที่รู้จักแก่นักลงทุน โดยที่ยังไม่ได้ถูกฟ้องจากฝ่ายกำกับดูแล
อ้างอิง:
