โมฮัมเหม็ด บาซูม ประธานาธิบดีไนเจอร์ วอนทางการสหรัฐอเมริกาส่งมอบความช่วยเหลือ หลังถูกกลุ่มนายทหารก่อรัฐประหาร ยึดอำนาจการปกครองประเทศไปจากตนเอง ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศทั้งหมดสนับสนุนการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยภายในไนเจอร์
โดยคณะรัฐประหารไนเจอร์เผยเมื่อวานนี้ (3 สิงหาคม) ว่าพวกเขากำลังพิจารณาเตรียมถอนผู้แทนทางการทูตของไนเจอร์ที่ประจำอยู่ที่ฝรั่งเศส สหรัฐฯ ไนจีเรีย และโตโก กลับประเทศ พร้อมระบุว่า เอกอัครราชทูตเหล่านี้ได้รับคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนประเทศแล้ว
บาซูมระบุว่า หากปล่อยให้การก่อรัฐประหารครั้งนี้สำเร็จจะทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ตามมา การต่อสู้เพื่อค่านิยมที่พวกเราต่างมีร่วมกัน ซึ่งรวมถึงประชาธิปไตยแบบพหุนิยมและการเคารพหลักนิติธรรม เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนในการขจัดปัญหาความยากจนและการก่อการร้าย
นอกจากนี้ผู้นำไนเจอร์ที่ถูกยึดอำนาจยังประกาศเตือนถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำการก่อรัฐประหารในครั้งนี้กับกลุ่มทหารรับจ้างชาวรัสเซียอย่างกลุ่มวากเนอร์ ซึ่งกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ในหลายพื้นที่แถบแอฟริกา โดยเฉพาะภูมิภาคซาเฮลตอนกลางทั้งหมดที่ตอนนี้อาจตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของรัสเซียผ่านทหารรับจ้างกลุ่มนี้
เบื้องต้นรายงานของทางการสหรัฐฯ ระบุว่า ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่ากลุ่มวากเนอร์ของรัสเซียเกี่ยวพันกับการก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนในครั้งนี้หรือไม่ อย่างไร
โดยบาซูมถูกกลุ่มทหารควบคุมตัวไว้ตั้งแต่ถูกยึดอำนาจเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่นายพลอับดูราฮามาเน ชีอานี ประธานสภาแห่งชาติว่าด้วยการปกป้องมาตุภูมิ (CLSP) ซึ่งเป็นผู้นำในการก่อรัฐประหาร ได้ประกาศตนขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไนเจอร์คนใหม่ในทางพฤตินัย พร้อมเน้นย้ำไม่ให้ต่างชาติเข้าแทรกแซงกิจการภายในของไนเจอร์อย่างเด็ดขาด
ไนเจอร์ถือเป็นประเทศที่แสดงบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับการแผ่ขยายอิทธิพลของกลุ่มก่อการร้าย โดยเฉพาะกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงที่เคลื่อนไหวในแถบพื้นที่แอฟริกา อีกทั้งรัฐบาลของบาซูมเองก็ถือเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับบรรดาประเทศในยุโรปที่หวังจะร่วมมือกันรับมือกับวิกฤตการไหลทะลักของผู้อพยพและวิกฤตการค้ามนุษย์ ซึ่งการก่อรัฐประหารในครั้งนี้จะสร้างผลกระทบมากมายตามมา
แฟ้มภาพ: Evelyn Hockstein / AFP
อ้างอิง: