วันนี้ (17 กรกฎาคม) พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา กล่าวชี้แจงกระแสข่าวกรณีการลาประชุมของสมาชิกวุฒิสภาระหว่างการประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนการประชุมวุฒิสภาว่า ขอชี้แจงใน 3 ประเด็น ประกอบด้วย การลาประชุมของสมาชิกวุฒิสภา ตามรายงานการลาประชุม ซึ่งมีเหตุแก่การลา 3 ประเภท คือ การไปราชการต่างประเทศของสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งในเรื่องนี้ตนในฐานะประธานรัฐสภาขณะนั้นได้มอบหมายให้สมาชิกวุฒิสภา 2 คน เดินทางเข้าร่วมประชุม ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นการประชุมที่เกี่ยวข้องกับ AIPA
ส่วนการลากิจของสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำเหล่าทัพ จำนวน 6 คน เนื่องจากติดราชการสำคัญ ประกอบกับการประชุมให้ความเห็นชอบเลือกนายกรัฐมนตรีที่มีเพียงวาระเดียว และผู้นำเหล่าทัพได้พิจารณาแล้วแจ้งว่ายังอยู่ในราชการ จึงไม่ประสงค์เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
ขณะที่การลากิจของสมาชิกวุฒิสภาคนอื่นๆ มีจำนวน 9 คน ส่วนใหญ่เป็นภารกิจที่ไม่ทราบวันประชุมมาก่อนและยังอยู่ต่างประเทศ เนื่องจากมีภารกิจที่นัดหมายไว้ล่วงหน้าแล้ว การลาป่วย มีสมาชิกแจ้งลาป่วยจำนวน 16 คน ดังนั้น การลาของสมาชิกวุฒิสภาจึงรวมกันทั้งสิ้น 33 คน กรณีการลงมติซึ่งมีสมาชิกวุฒิสภาไม่ลงมติจำนวน 43 คน เป็นสมาชิกที่แจ้งลา 33 คน จึงแสดงว่ามีสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมแต่ไม่ลงมติจำนวน 10 คน
สำหรับการที่มีบุคคลเข้าคุกคามและละเมิดความเป็นส่วนตัวของสมาชิกวุฒิสภาและครอบครัว เช่น การเข้าตรวจสอบสถานที่อยู่อาศัย สถานที่ประกอบธุรกิจของบุคคล การใช้ถ้อยคำด่าทอไปยังบุคคลนั้นๆ รวมถึงการข่มขู่ให้เกิดความกลัว ตนในฐานะประธานวุฒิสภาเห็นว่ามีหน้าที่ในการคุ้มครองดูแลสมาชิกวุฒิสภาทุกคนให้ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งตัวของสมาชิกและครอบครัว จึงได้ขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการช่วยดูแลสมาชิก ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงหวังว่าประชาชนที่กระทำการลักษณะคุกคาม โจมตี แทรกแซงบุคคลอื่น จะหยุดการกระทำนั้นลง เพราะมีความเกี่ยวเนื่องกับความผิดทางอาญา
พรเพชรยังกล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลยื่นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ซึ่งตนพิจารณาแล้วเห็นว่า สมาชิกวุฒิสภายังไม่สมควรแสดงความคิดเห็นโต้ตอบกับการดำเนินการเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเมื่อเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมร่วมรัฐสภาแล้ว สมาชิกจึงจะมีหน้าที่ในการพิจารณากฎหมายฉบับนี้อย่างผู้ที่มีวุฒิภาวะ กลั่นกรองกฎหมายที่นำเสนอ ไม่ควรโต้แย้งหรือโต้ตอบต่อผู้ที่อยู่ในสภาวะไม่พอใจเหตุการณ์ทางการเมืองและดำเนินการเสนอกฎหมายฉบับนี้ เพื่อให้การแก้ไขกฎหมายฉบับนี้เป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักการ