×

วาระสุดท้ายของไดโนเสาร์

25.06.2023
  • LOADING...
ไดโนเสาร์

ครั้งหนึ่งเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน ไดโนเสาร์เคยครองโลกแบบไร้เทียมทาน สัตว์สายพันธุ์อื่นๆ ต้องคอยแอบซ่อน ด้วยความหวาดกลัวว่าจะโดนไดโนเสาร์จับไปกิน

 

ไดโนเสาร์ปรากฏขึ้นบนโลกนี้ครั้งแรกเมื่อช่วงปลายยุคไทรแอสซิก หรือประมาณ 225 ล้านปีมาแล้ว สมัยนั้นทวีปทั่วโลกยังติดต่อเป็นผืนเดียวเรียกว่า มหาทวีปแพนเจีย (Pangaea Supercontinent) 

 

ไดโนเสาร์มีชีวิตและวิวัฒนาการเรื่อยมา ออกลูกออกหลาน ขยายพันธุ์ไปร่วม 400 ชนิด (เท่าที่ค้นพบได้ในขณะนี้) จนสามารถครองโลกเป็นเวลายาวนานถึง 160 ล้านปี

 

หากคิดว่าปัจจุบันมนุษย์เป็นเจ้าโลกมานานมาก จากต้นตระกูลมนุษย์ที่เพิ่งปรากฏครั้งแรกเมื่อประมาณ 5 ล้านปีก่อน แต่ไดโนเสาร์เป็นเจ้าโลกมานานกว่ามนุษย์ถึง 30 เท่า

 

ในช่วงเวลานั้นสัตว์ชนิดอื่นคงไม่มีทางต่อกรกับพวกไดโนเสาร์ได้ ด้วยพละกำลัง ขนาดอันใหญ่โต ความดุร้าย และจำนวนมหาศาล พวกมันวิวัฒนาการขึ้นเรื่อยๆ เช่น ระบบเผาผลาญที่รวดเร็ว ความเร็วในการวิ่ง และกำจัดคู่แข่งเกือบหมด จนก้าวขึ้นครองโลกทั้งใบ ไดโนเสาร์บางชนิดวิวัฒนาการปีกขึ้นมาเพื่อช่วยให้พวกมันบินจับเหยื่ออย่างง่ายดาย บางตัวเดินย่ำจนโลกสั่นสะเทือน สัตว์ชนิดอื่นหนีหัวหดเอาตัวรอดกันหมด

 

ในเวลานั้นสิ่งมีชีวิตตัวใดจะกล้าสู้กับไทแรนโนซอรัส หรือที-เร็กซ์ สัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่ที่สุดชนิดหนึ่งบนพื้นพิภพ ด้วยขนาดความยาวได้ 12-13 เมตร เดินสองขา มีกะโหลกศีรษะขนาดใหญ่ และขากรรไกร เขี้ยวคมขนาดยักษ์ที่พร้อมจะงับเหยื่อ ฉีกเนื้อกระจุยได้ทุกชนิด

 

หรือหากเปรียบเทียบความมหึมา สิ่งมีชีวิตใดจะกล้าไปเทียบกับไดโนเสาร์พาตาโกไททัน มาโยรัม ด้วยน้ำหนักประมาณ 70 ตัน และมีลำตัวยาว 40 เมตร 

 

ตระกูลไดโนเสาร์ในยุคนั้นคงครองโลกไปอีกยาวนาน สัตว์ชนิดอื่นต้องหนีซ่อนเอาตัวรอดทุกครั้งเมื่อไดโนเสาร์ปรากฏกายขึ้น พร้อมความมั่นใจว่าไม่มีใครจะมาแย่งชิงตำแหน่งของตนบนยอดสูงสุดของธรรมชาติได้

 

แต่แล้วเมื่อ 66 ล้านปีก่อน อยู่ดีๆ ก็มีอุกกาบาตกว้างประมาณ 10 กิโลเมตรจากนอกโลก พุ่งตกลงบนโลกด้วยความเร็วประมาณ 1 แสนกิโลเมตรต่อชั่วโมงบริเวณแหลมยูกาตาน ประเทศเม็กซิโก เมื่ออุกกาบาตกระแทกพื้นพิภพ ผลลัพธ์คือเกิดแรงระเบิดเทียบเท่าระเบิดนิวเคลียร์ 1 พันล้านลูกแผ่กระจายไปทั่วแผ่นดินและมหาสมุทร

 

เช้าวันนั้นไดโนเสาร์ตื่นขึ้นพร้อมกับเสียงดังราวโลกถล่ม แสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วโลกจากสีฟ้ากลายเป็นสีส้ม สีแดง และเข้มข้นไปเรื่อยๆ ติดตามมาด้วยแผ่นดินไหวสั่นสะเทือนไปทั่วทุกแห่งหน และอุณหภูมิความร้อนสูงขึ้นหลายร้อยองศาเซลเซียส เกิดไฟป่าเผาผลาญทุกสิ่งที่ขวางหน้า ติดตามมาด้วยคลื่นสึนามิยักษ์ถล่มทวีประลอกแล้วระลอกเล่า

 

ไม่ถึง 1 นาทีหลังอุกกาบาตชนโลก ความร้อนมหาศาลแผดเผาไปทั่วแผ่นดินและมหาสมุทร ขนาดหินยังหลอมเหลวไปทั่วโลก แล้วไดโนเสาร์จะมีสภาพเป็นอย่างไร

 

ภายในเวลาไม่นาน ทุกอย่างก็จบลงด้วยความพังพินาศไปสิ้น

 

เพียงชั่วพริบตา ฟ้าถล่มทลาย ไดโนเสาร์หลายร้อยล้านตัวบนโลกส่วนใหญ่ล้มตายทันที และค่อยๆ สูญพันธุ์ในเวลาไม่นาน

 

ขณะที่สัตว์ชนิดอื่นที่ปรับตัวเพื่อความอยู่รอดมานานแล้วก็เข้ามาแทนที่ไดโนเสาร์ที่ไม่ยอมปรับตัวมาก่อน อาทิ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่ผงาดขึ้นมาครองโลกแทน

 

ไดโนเสาร์มาถึงสัตว์ตระกูลมนุษย์ที่เกิดขึ้นมาเมื่อ  5 ล้านปีก่อนจนครองโลกสำเร็จ

 

บทเรียนจากไดโนเสาร์สอนให้รู้ว่า แม้กระทั่งสัตว์ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดและครองอำนาจมายาวนานถึง 160 ล้านปีก็ยังสูญพันธุ์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว ฉับพลัน ยิ่งกว่าศัพท์สมัยใหม่ที่เรียกว่า Disruption เสียอีก 

 

หันมามองบ้านเรา เพิ่งเกิดปรากฏการณ์ครั้งใหญ่มากกว่าแลนด์สไลด์ คือฟ้าถล่มทลาย กวาดเอาไดโนเสาร์จำนวนมหาศาลผู้ครองอำนาจมายาวนานและคิดว่าจะอยู่ยั้งยืนยง ไม่มีใครมาแย่งตำแหน่งได้ แทบจะสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ทีเดียวในเวลาชั่วข้ามคืน

 

อะไรที่คิดว่าจะไม่เห็นก็ได้เห็นในเวลาอันรวดเร็ว ฉับพลัน แบบไม่มีใครคาดคิด

 

อ่านประวัติศาสตร์การล่มสลายและสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตเป็นบทเรียน แล้วย้อนมาดูไดโนเสาร์ในปัจจุบัน

 

ดูซิว่าจะค่อยๆ ทยอยล้มตายลงจนสูญพันธุ์จริง หรือจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกเหมือนซอมบี้

 

อย่ากะพริบตา

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising