และแล้ววันนี้ก็มาถึง เมื่อ ‘มนุษย์’ เผ่าพันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่าทรงภูมิปัญญามากที่สุดในโลกใบนี้ ถูกท้าทายด้วยสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเองกับมืออย่าง ‘AI’ ที่นับวันความสามารถของมันจะยิ่งก้าวล้ำ ชาญฉลาด กลายเป็นผู้ทรงภูมิความรู้ในศาสตร์แขนงต่างๆ พร้อมกับความสามารถในการประมวลผลที่รวดเร็วและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อย่างที่มนุษย์เราไม่อาจเทียบ
จนเมื่อไม่นานมานี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญในแวดวงไอที นักวิจัย และนักวิทยาศาสตร์หลายร้อยชีวิต ได้ร่วมกันลงนามในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งด้วยถ้อยคำที่น่ากังวลว่า โลกควรเร่งลดความเสี่ยงที่เผ่าพันธุ์มนุษย์จะสูญพันธุ์เพราะ AI โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรยกให้ประเด็นนี้เป็นวาระสำคัญระดับโลกเทียบเท่ากับความเสี่ยงร้ายแรงอื่นๆ ที่มนุษย์ต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาด หรือแม้แต่สงครามนิวเคลียร์
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจจะคิดว่าแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นแนวคิดเพ้อฝันของคนเพียงกลุ่มเล็กๆ ที่ดูหนังฮอลลีวูดเยอะเกินไป ทว่า…หากเรามาลองไล่เรียงดูชื่อของผู้ที่ลงนาม จะเห็นว่าหลายคนเป็น ‘ตัวจริง’ ของโลกไอที รวมถึงบุคคลระดับเจ้าพ่อของวงการเทคอย่าง ดร.เจฟฟรีย์ ฮินตัน เจ้าของฉายา Godfather of AI อดีตวิศวกรที่ตัดสินใจลาออกจาก Google เพราะเขาต้องการพูดอย่างเสรีให้โลกใบนี้ได้ยินว่า AI น่ากลัวว่าที่ใครๆ คาดคิด
อย่างไรก็ตาม มีเสียงจากคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่ากว่าที่ AI จะไปไกลถึงขั้นฉลาดเหนือมนุษย์ และกลืนกินเผ่าพันธุ์เราได้ทั้งหมดคงต้องใช้เวลาอีกนานโข แต่สิ่งที่โลกต้องให้ความสำคัญในตอนนี้คือการลดความเสี่ยงระยะสั้นมากกว่า รวมถึงการแพร่กระจายข้อมูลอย่างผิดๆ การตัดสินใจโดยอัตโนมัติที่มีความลำเอียง และความไม่เท่าเทียมกันในสังคมเนื่องจากยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่ยังไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีดังกล่าวได้
AI จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของมวลมนุษยชาติ เสี่ยงทำให้มนุษย์สูญพันธุ์ เรื่องจริงหรือแค่ตื่นตูม? ติดตามกันได้กับ Global Focus สัปดาห์นี้