ความต้องการทองคำของผู้บริโภคไทยในไตรมาสแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน เหตุราคาทองพุ่ง ค่าครองชีพเพิ่ม ทำให้ผู้คนนำทองคำออกมาขาย ด้าน ‘สภาทองคำโลก’ ชี้ หาวิกฤตแบงก์ไม่คลี่คลาย ดีมานด์ทองคำมีโอกาสเพิ่มต่อ เหตุผู้ลงทุนมองทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
สภาทองคำโลก (World Gold Council) เผยความต้องการทองคำของผู้บริโภคในไทย ไตรมาสแรกของปี 2023 เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 3.9 ตันจาก 3.8 ตันในไตรมาสที่ 1 ของปี 2022
โดยเมื่อแยกเป็นประเภทของทองคำ พบว่าความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำในไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 1.9 ตัน จาก 1.6 ตัน ขณะที่ความต้องการทองคำเครื่องประดับ (Jewellery) ลดลง 6% จากปีก่อน อยู่ที่ 2.1 ตันจาก 2.2 ตันในไตรมาสแรกของปีก่อน เนื่องมาจากราคาทองคำและค่าครองชีพที่เป็นปัจจัยกดดัน ทำให้ผู้คนจำนวนมากนำทองออกมาขาย (Sell Back)
อย่างไรก็ตาม ความต้องการทองคำในไทยยังนับว่าดูดี เมื่อเทียบกับ ‘ความต้องการทองคำทั่วโลก’ ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แม้ว่าธนาคารกลางหลายประเทศจะตุนทองคำเข้าทุนสำรองมากเป็นที่สุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ในปีที่ผ่านๆ มา (Q1 Record High) หรือตั้งแต่สภาทองคำโลกเริ่มเก็บข้อมูล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ทองคำวิ่งทำนิวไฮที่ 2,082.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ รับผลประชุม Fed ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ส่วนราคาในประเทศ รับซื้อที่ 32,500 บาทต่อบาททองคำ
- ‘สภาทองคำโลก’ เผยดีมานด์ทองคำใน ‘ไทย’ เพิ่มเพียง 3% ในปี 2022 พร้อมเปิดปัจจัยที่ต้องจับตาในปี 2023
- จีนตุนทองคำสำรองเพิ่มเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ส่งผลให้ปริมาณการถือครองพุ่งแตะ 2,076 ตัน
ทำไมธนาคารกลางทั่วโลกเร่งตุนทองคำเข้าคลัง?
Shaokai Fan หัวหน้าฝ่ายเอเชีย-แปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน) และหัวหน้าฝ่ายธนาคารกลางระดับโลกของสภาทองคำโลก มองว่ามีเหตุผลหลายประการที่ธนาคารกลางเพิ่มทองคำเข้าคลังสำรองถึง 228 ตันในไตรมาสแรกของปีนี้ ได้แก่ ประเด็นเรื่องเสถียรภาพของระบบธนาคารพาณิชย์ แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค เงินเฟ้อ และประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์
นอกจากนี้ Fan ยังคิดว่า ธนาคารกลางจะยังคงเป็นผู้ซื้อทองคำสุทธิต่อไปในปีนี้ แต่อาจไม่ซื้อเท่าปีก่อน ซึ่งธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
“ผมมองว่าปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่เราควรจับตา คือวิกฤตในภาคการธนาคารครั้งนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร โดยหากปัญหานี้ยังคงดำเนินต่อไป และเผชิญผลกระทบเพิ่มเติมในระบบธนาคาร ผมคิดว่าอาจทำให้ทองคำมีความดึงดูดมากขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven)”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีโอกาสที่ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่อีกครั้ง (New High) หรือไม่ในปีนี้ Fan ชี้แจงว่า ปกติสภาทองคำโลกไม่ได้คาดการณ์เกี่ยวกับราคาทองคำ แต่มีปัจจัยหนุนมากมายในตลาดทองคำ ได้แก่ ความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการเงิน และฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหากวิกฤตแบงก์แย่ลง
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ราคาทองคำ Spot เพิ่มขึ้นกว่า 10% (YTD) โดยเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ราคาทองคำเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,082.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตอบรับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งมีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% สู่ระดับ 5-5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007 โดยการประชุมในครั้งนี้ Fed ยังส่งสัญญาณว่าการขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้อาจจะสิ้นสุดลงแล้ว