เปิดหมายกำหนดการและขั้นตอนสำคัญภายในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และพระราชินีคามิลลา ที่จะจัดขึ้น ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ โดยจะมีแขกผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญกว่า 2,200 คน ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกระดับสูงของราชวงศ์อังกฤษ สมาชิกครอบครัวของพระราชินีคามิลลา รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ต่างประเทศ ผู้นำประเทศและผู้แทนประเทศจาก 203 ประเทศทั่วโลกเดินทางมาร่วมงานพระราชพิธีในครั้งนี้
พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และพระราชินีคามิลลาจะเสด็จออกจากพระราชวังบักกิงแฮม มุ่งหน้าสู่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ โดยรถม้าพระที่นั่ง ที่ประกอบขึ้นเมื่อครั้งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี เมื่อปี 2012 โดยมีอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรีเป็นผู้นำประกอบพระราชพิธี
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกประกอบไปด้วย 6 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่
1. การรับรองสถานะความเป็นกษัตริย์ (Recognition)
ขั้นตอนนี้จะมีการประกาศแนะนำกษัตริย์พระองค์ใหม่ต่อปวงชน โดยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะเสด็จมายังโถงกลางของมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ข้างบัลลังก์ราชาภิเษก (Coronation Chair) ซึ่งเป็นเครื่องเรือนอายุเก่าแก่ที่สุดในสหราชอาณาจักรที่ยังได้รับการใช้งานอยู่ โดยสร้างขึ้นเมื่อปี 1300 ในรัชสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ หลังจากนั้นอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรีจะประกาศรับรองสถานะความเป็นกษัตริย์ของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ต่อหน้าแท่นบูชาสูง
2. การกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณ (Oath)
พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะทรงถวายสัตย์ปฏิญาณว่า “จะทรงครองราชย์ตามบทบัญญัติของกฎหมายและพิทักษ์ศาสนจักรของอังกฤษ” ซึ่งข้อความในการถวายสัตย์ปฏิญาณนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดหลายยุคหลายสมัย เมื่อครั้งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระองค์ทรงประกาศว่า “จะทรงครองราชย์ตามบทบัญญัติของกฎหมายและจะธำรงความยุติธรรมด้วยพระเมตตา รวมทั้งจะทรงธำรงรักษาไว้ซึ่งศาสนจักรของอังกฤษ”
3. การเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ (Anointing)
พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะทรงถอดฉลองพระองค์คลุม ‘Robe of State’ และประทับบนบัลลังก์ราชาภิเษก หลังจากนั้นอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรีจะเทน้ำมันราชาภิเษกออกจากภาชนะทองคำรูปนกอินทรีลงบนช้อนราชาภิเษก ก่อนที่จะเจิมน้ำมันดังกล่าวบริเวณพระนลาฏ (หน้าผาก), พระอุระ (อก) และพระหัตถ์ (มือ) ทั้งสองข้างของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 นับเป็นขั้นตอนที่ธำรงความศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในหมู่พระราชพิธีบรมราชาภิเษกทั้งหมด โดยขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนเดียวที่สาธารณชนและผู้เข้าร่วมงานจะไม่ได้รับชมหรือถ่ายทอดออกอากาศ ซึ่งจะมีฉากกั้นบังการมองเห็น
ด้วยความสนพระราชหฤทัยในด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน น้ำมันเจิมศักดิ์สิทธิ์ในพระราชพิธีครั้งนี้จะไม่มีส่วนผสมของน้ำมันที่มาจากสัตว์ ต่างจากเมื่อครั้งประวัติศาสตร์ที่น้ำมันราชาภิเษกมักมีส่วนผสมของน้ำมันจากวาฬและชะมดด้วย
4. การถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ (Investiture)
อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรีจะทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ (Crown Jewels) ไม่ว่าจะเป็นพระภูษาคลุมสีทอง คทา ลูกโลกประดับกางเขน พระธำมรงค์ และสวมมงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดให้พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3
5. การประทับบนพระราชบัลลังก์ (Enthronement)
พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะเสด็จประทับบนพระราชบัลลังก์ เป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนให้เห็นว่าพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพโดยสมบูรณ์
6. การรับการถวายความเคารพ (Homage)
พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะทรงรับการถวายความเคารพจากเจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์อังกฤษ รวมถึงข้าราชบริพารในพระองค์
หลังจากนั้นพระราชินีคามิลลาก็จะทรงสวมมงกุฎเช่นเดียวกับพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 โดยจะทรงสวมมงกุฎพระราชินีแมรี ทางสำนักพระราชวังเผยว่านับเป็นครั้งแรกที่จะไม่มีการทำมงกุฎขึ้นมาใหม่ แต่จะนำมงกุฎที่เคยผ่านพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้วมาใช้ใหม่อีกครั้ง โดยพระราชินีจะมีขั้นตอนที่น้อยกว่าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ซึ่งในขั้นตอนสำคัญนั้น หากกษัตริย์ของสหราชอาณาจักรเป็นสตรี พระสวามีของพระองค์จะทรงไม่ได้รับการสวมมงกุฎหรือการเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์
โดยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะทรงเปลี่ยนมาสวมมงกุฎอิมพีเรียลสเตท เมื่อประกอบพระราชพิธีเสร็จสิ้น หลังจากนั้นทั้งสองพระองค์จะเสด็จขึ้นรถม้าพระที่นั่ง ‘Gold State Coach’ ร่วมกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค พร้อมด้วยเหล่าทัพต่างๆ จากสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพ มุ่งหน้าสู่พระราชวังบักกิงแฮมและเสด็จออกสีหบัญชรในลำดับถัดไป
ส่วนวันที่ 7 พฤษภาคม 2023 จะมีการจัดคอนเสิร์ตพิเศษ ณ พระราชวังวินด์เซอร์ รวมถึงกิจกรรมร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ‘The Big Lunch’ และวันที่ 8 พฤษภาคม 2023 ทางการสหราชอาณาจักรประกาศให้เป็นวันหยุดชดเชย เนื่องในวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และหลายหน่วยงานเดินหน้าจัดกิจกรรมอาสาสมัครต่างๆ
เผยแพร่: 6 พฤษภาคม 2023
ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร
อ้างอิง:
- BBC, The British Embassy Bangkok