ก.ล.ต. ออกโรงเตือนผู้ถือหุ้น ‘โรงพยาบาลรามคำแหง’ ออกไปใช้สิทธิ์ออกเสียง กรณีปล่อยกู้เงินให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ F&S จำนวน 480 ล้านบาท หลัง IFA คัดค้าน เหตุได้ดอกเบี้ยต่ำไม่คุ้ม ทำขาดทุน 3.46 ล้านบาท
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า สำนักงาน ก.ล.ต. ขอให้ผู้ถือหุ้น บมจ.โรงพยาบาลรามคำแหง หรือ RAM ศึกษาข้อมูลและไปใช้สิทธิ์ออกเสียงในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 เมษายน 2566 กรณีวาระพิจารณาให้สัตยาบันการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัท เอฟแอนด์เอส 79 จำกัด (F&S) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
โดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) ให้ความเห็นว่าผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนไม่เหมาะสม เพราะต่ำกว่าอัตราตลาดและต่ำกว่าต้นทุนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากสถาบันการเงินของบริษัทย่อย นอกจากนี้ IFA ได้คำนวณส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายเสมือนมีการปล่อยกู้วนในครั้งนี้แล้วพบว่าจะส่งผลให้กลุ่ม RAM ขาดทุนเป็นเงินจำนวน 3.46 ล้านบาท
สืบเนื่องจากบริษัทย่อยของ RAM หลายแห่งได้นำสภาพคล่องส่วนเกินไปให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ F&S ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยให้กู้ยืมในรูปของตั๋วแลกเงินอายุ 1 ปี แบบไม่มีหลักประกัน คิดอัตราดอกเบี้ย 2.25-2.5% ต่อปี รวมเป็นเงิน 480 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัท F&S ได้ชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่บริษัทย่อยของ RAM แล้ว แต่การทำธุรกรรมดังกล่าวไม่ได้ขออนุมัติผู้ถือหุ้นก่อนทำรายการ ตามประกาศว่าด้วยการทำรายการที่เกี่ยวโยงกับคณะกรรมการบริษัท จึงมีมติให้นำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการให้สัตยาบันดังกล่าวในวันที่ 28 เมษายน 2566
นอกจากนี้ RAM ยังได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจาก F&S จำนวน 1 พันล้านบาท โดยต้องชำระคืนเมื่อทวงถาม คิดอัตราดอกเบี้ย 3.75-4% ต่อปี ซึ่งปัจจุบัน RAM ได้ชำระหนี้เงินกู้บางส่วนแล้ว และคงเหลือหนี้อีก 200 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดชำระคืนวันที่ 31 ตุลาคม 2566
ด้านคณะกรรมการบริษัทเห็นว่าผลตอบแทนจากการให้กู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.25-2.5% ต่อปี ดีกว่าการที่บริษัทย่อยนำไปฝากเงินกับสถาบันการเงินในประเทศที่จะได้รับผลตอบแทนเท่ากับ 0.40-1.35% ต่อปี การปล่อยกู้ดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายลงทุนในขณะนั้น
ทั้งนี้ บริษัทและกลุ่มบริษัทย่อยไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดกำไรแก่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมการ RAM ครั้งที่ 8/2566 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 จึงมีมติให้บริษัทย่อยเรียกชำระดอกเบี้ยส่วนต่าง จำนวน 3.46 ล้านบาท คืนจาก F&S ซึ่ง F&S ได้ชำระดอกเบี้ยส่วนต่างคืนแล้วในวันที่ 30 มีนาคม 2566
ก.ล.ต. จึงขอให้ผู้ถือหุ้นศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ และใช้สิทธิ์ของผู้ถือหุ้นในการรักษาประโยชน์ของตนเอง พร้อมทั้งสอบถามผู้บริหาร RAM ถึงข้อมูลต่างๆ เพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนสำหรับประกอบการตัดสินใจออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ก.ล.ต. เล็งกำหนดมูลค่าการซื้อคริปโตขั้นต่ำที่ 5,000 บาท พร้อมมองว่าเหรียญส่วนใหญ่ไร้ปัจจัยพื้นฐานรองรับ
- ‘Zipmex’ ปิดดีลระดมทุน ได้ VC ในเครือ TTA ใส่เงินขึ้นแท่นหุ้นใหญ่
- ผู้บริหาร Bitkub Blockchain แจงชัด ไม่รู้เรื่องดีล SCB พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ใจซื้อเหรียญ KUB ย้ำถือลงทุนยาว