กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าจีนจะมีบทบาทสำคัญในอีก 5 ปีข้างหน้าที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยการเติบโตของ GDP จะมีค่าเป็น 2 เท่าของสหรัฐฯ ขณะที่ Bloomberg ประเมินว่าจีนจะมีสัดส่วนต่อการเติบโตของ GDP โลกที่ 22.6% ไปจนถึงปี 2028 ตามมาด้วยอินเดียที่อยู่อันดับ 2 ที่ 12.9% และอันดับ 3 สหรัฐฯ ที่อาจเติบโตเพียงแค่ครึ่งของจีนที่ 11.3%
สำหรับไตรมาสแรกที่ผ่านมา GDP ในประเทศจีนโตอย่างรวดเร็วที่ 4.5% ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ยังคงชะลอตัวจากสภาวะดอกเบี้ยสูงเพื่อหวังดึงเงินเฟ้อลง การเติบโตของจีนเป็นที่น่าจับตาหลังจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น และมีแนวโน้มที่เริ่มฟื้นตัว เนื่องจากการผ่อนคลายนโยบาย Zero-COVID ที่เป็นปัจจัยหลักทำให้เศรษฐกิจหยุดนิ่งมากว่า 3 ปี
อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์บางคนยังคงเตือนว่า การฟื้นตัวของจีนอาจใช้เวลานานกว่าที่คาดจากเงินเฟ้อที่มีอัตราต่ำสุดในรอบ 18 เดือน โดยบางฝ่ายมองว่าอาจมีการลดดอกเบี้ย (Prime Rate) การกู้ยืม 1 ปีหวังกระตุ้นเศรษฐกิจหากเงินเฟ้อชะลอตัว เงินเฟ้อที่ต่ำในจีนอาจเป็นสาเหตุให้ภาครัฐใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการลงทุนและการบริโภค
ก่อนหน้าการประกาศตัวเลข GDP ในไตรมาสแรก Iris Pang หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประเทศจีนประจำ ING คาดการณ์ว่าการเติบโตในไตรมาสแรกอาจไม่เป็นไปตามเป้าทั้งปีที่รัฐบาลวางไว้ที่ 5% เนื่องจากการส่งออกยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อเศรษฐกิจจีน การที่อุปสงค์นอกประเทศยังชะลอตัวนั้นมีแนวโน้มกระทบการส่งออกสินค้าของจีนและด้านการผลิตในประเทศ ซึ่งตัวเลขไตรมาสแรกออกมาที่ 4.5% แต่การส่งออกกลับสามารถทำได้ดีเหนือความคาดหมายในเดือนมีนาคม 14.8% จากเดิมในเดือนกุมภาพันธ์ที่ 6.8%
Pang ยังมองว่าอุตสาหกรรมการบริการจะเป็น ‘ตัวขับเคลื่อนการเติบโต’ จากความแข็งแกร่งของดัชนี Caixin Services Purchasing Managers Index ที่เก็บข้อมูล ยอดขาย การจ้างงาน และราคา ในอุตสาหกรรมการบริการ ทั้งนี้ “เพื่อที่จะรักษาให้ GDP เติบโตได้ตามเป้าหมายทั้งปี รัฐบาลควรที่จะผลักดันโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในประเทศ เช่น การเพิ่มเส้นทางรถไฟฟ้าและเสาสัญญาณ 5G ที่มีการวางแผนไว้สำหรับปีนี้แล้ว เรายังคาดว่าในไตรมาสที่ 2 GDP น่าจะโตได้ถึง 6% แต่ยังคงระดับทั้งปี 2023 ไว้ที่ 5% จากความกังวลการบริโภคชะลอตัวในต่างประเทศ” Pang กล่าว
ส่วนแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกในอนาคตยังคงอยู่ในสภาวะคลุมเครือ โดย IMF มองว่าอีก 5 ปีเศรษฐกิจโลกจะโต 3% โดยเฉลี่ย ซึ่งนับเป็นตัวเลขการคาดการณ์ที่ต่ำที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษ จากอัตราดอกเบี้ยสูงและความตึงเครียดของการเมืองระดับโลกที่เป็นผลเสียต่อผลิตผลทางเศรษฐกิจ
ประเทศในแถบตะวันออกเริ่มมีบทบาทในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจมากขึ้น กลุ่มประเทศอย่าง บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย และจีน หรือกลุ่ม BRICS คาดว่าจะมีส่วนร่วมในการทำให้เศรษฐกิจโลกเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 40% ไปจนถึงปี 2028
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ผู้นำ IMF เตือนปี 2023 เศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับ ‘ความยากลำบาก’ มากขึ้น
- IMF เตือนการแยกส่วนของเศรษฐกิจโลก อาจสร้างความเสียหายมากถึง 7% ของ GDP โลก
- คริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้นำ IMF ชี้ การเปิดประเทศของจีนจะเป็นกุญแจสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้
อ้างอิง:
- https://www.cnbc.com/2023/04/18/china-economy-q1-gdp-2023.html
- https://www.cnbc.com/2023/04/11/chinas-consumer-inflation-hits-18-month-low-amid-uneven-recovery.html
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2023-04-17/china-to-be-top-world-growth-source-in-next-five-years-imf-says?srnd=premium-asia&sref=CVqPBMVg