เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล 8 มีนาคม ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ UN Women เอเชีย-แปซิฟิก และสถานเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย จัดงาน ‘ลั่นระฆังสร้างความเท่าเทียม’ (Ring the Bell for Gender Equality) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้องค์กรภาคธุรกิจส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศหญิงและชาย และร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของผู้หญิงทั่วโลก
ในโอกาสนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในฐานะแม่งานได้ให้คำมั่นว่า จะส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนให้สนับสนุนแนวทางการบริหารธุรกิจที่สร้างความเท่าเทียมระหว่างเพศหญิงและชาย รวมถึงสนับสนุนการเป็นผู้นำของผู้หญิงในองค์กร
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นตัวแทนนำผู้นำทางธุรกิจและการทูต ได้แก่ ดร.มิวะ คาโตะ ผู้อำนวยการ UN Women ภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก และ นายสตาฟฟาน แฮร์สตรึม เอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย ขึ้นลั่นระฆังเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์ในภาคบ่าย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ ‘ลั่นระฆังสร้างความเท่าเทียม 2561’ ทั่วโลก และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เข้าร่วมรณรงค์ประจำปีนี้ โดยจัดให้ตรงกับวันสตรีสากล
นางเกศรากล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงาน ‘ลั่นระฆังสร้างความเท่าเทียม 2561’ เพื่อร่วมแสดงบทบาทของภาคตลาดทุนพร้อมกับตลาดหลักทรัพย์ 59 แห่งทั่วโลก สะท้อนถึงการให้ความสำคัญด้านสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนทุกภาคส่วนให้เติบโตอย่างยั่งยืน
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ สนับสนุนให้บริษัทที่จดทะเบียนทำการแต่งตั้งผู้หญิงให้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริษัทและตำแหน่งบริหารระดับสูง ซึ่งเป็นแนวทางที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตและยั่งยืน สัดส่วนคณะกรรมการบริษัทที่เป็นผู้หญิงในภาคตลาดทุนไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ โดย 83% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีกรรมการบริษัทซึ่งเป็นผู้หญิงอย่างน้อย 1 คน และ 12% ของบริษัทจดทะเบียนมีผู้นำองค์กร (CEO) เป็นผู้หญิง นับเป็นบทบาทของผู้หญิงที่เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ” นางเกศรากล่าว
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด อยู่ในบรรดา 1,000 กลุ่มธุรกิจทั่วโลกที่ลงนามใน ‘แถลงการณ์สนับสนุนของประธานกรรมการบริหาร’ ตาม ‘พันธสัญญาส่งเสริมพลังสตรีแห่งสหประชาชาติ’ ของ UN Women ซึ่งเป็นหลักการแห่งความเสมอภาคหญิงชายในด้านการเป็นผู้นำธุรกิจ การปฏิบัติอย่างเท่าเทียมระหว่างหญิงและชายในที่ทำงาน การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานหญิง การสนับสนุนด้านการศึกษาและการฝึกอบรม และด้านอื่นๆ
“บริษัทเอกชนมีบทบาทโดดเด่นในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวระดับโลกที่ขับเคลื่อนไปสู่ความเสมอภาคระหว่างหญิงและชายในที่ทำงาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มพลังให้ผู้หญิงได้มีส่วนร่วมในระบบเศรษฐกิจทุกภาคส่วนและทุกระดับของกิจกรรมอย่างเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อสังคมโลกโดยรวม” มิวะ คาโตะ ผู้อำนวยการ UN Women สำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกกล่าว
ขณะที่นายสตาฟฟาน แฮร์สตรึม เอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย กล่าวว่า นโยบายของประเทศสวีเดนที่อนุญาตให้ผู้ชายสามารถลางานไปดูแลลูกได้นั้นได้เอื้อประโยชน์ให้ผู้หญิงสามารถมีส่วนร่วมในระบบแรงงานอย่างเท่าเทียม
“มีความเข้าใจว่าการเลี้ยงดูเด็กนั้นเป็นหน้าที่ของผู้หญิงเพียงฝ่ายเดียว และผู้หญิงเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบจากการมีลูก” ท่านทูตกล่าว “นโยบายที่เปิดโอกาสให้ผู้ชายสามารถลางานไปเลี้ยงลูกได้ด้วยนั้น เป็นวิธีที่ช่วยปรับเปลี่ยนความคิดนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
หลังจากเสร็จพิธีลั่นระฆัง ผู้เชี่ยวชาญจากสหประชาชาติ นักวิเคราะห์ รวมถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัท IKEA แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบริษัท Grab (Thailand) ได้จัดวงเสวนาภายใต้หัวข้อ ‘อนาคตการทำงานของผู้หญิง’ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานอย่างล้นหลาม
ทั้งนี้งาน ‘ลั่นระฆังสร้างความเท่าเทียม 2561’ เป็นการริเริ่มระดับสากลระหว่างข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ UN Women การริเริ่มเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน บรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC) ตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ และ Women in ETFs