รายงานลับฉบับใหม่จากกระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการเผยแพร่ใน Wall Street Journal ชี้ว่า เชื้อโควิดอาจรั่วไหลมาจากห้องปฏิบัติการในเมืองอู่ฮั่นของจีน
ทั้งนี้ มีการตรวจพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ SARS-CoV-2 ครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น ทางตอนกลางของประเทศจีน ในช่วงปลายปี 2019 และหลังจากนั้นก็เกิดการแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วจนคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วเกือบ 7 ล้านคน อีกทั้งยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลก เนื่องจากมีการปิดกั้นพรมแดนและดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศต่างๆ เพื่อพยายามควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสดังกล่าวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม รายงานลับฉบับใหม่นี้ก็ยังไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้อย่างแน่ชัด และระดับความเชื่อมั่นในข้อมูลดังกล่าวก็ยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ข้อมูลชุดใหม่นี้ก็ยังชี้ให้เห็นถึงการปรับเปลี่ยนมุมมองของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ที่มีต่อประเด็นนี้จากที่ยังไม่เคยระบุว่าเชื้อโควิดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ขณะนี้กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ มีความเห็นสอดคล้องกับรายงานของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ (FBI) ที่เคยสรุปรายงานไว้เมื่อปี 2021 พร้อมให้ระดับความเชื่อมั่นในข้อมูลอยู่ในเกณฑ์ปานกลางว่า มีความเป็นไปได้ที่เชื้อโควิดอาจแพร่ระบาดหลังเกิดข้อผิดพลาดขึ้นในห้องแล็บทางวิทยาศาสตร์
ขณะที่หน่วยงานด้านข่าวกรองของสหรัฐฯ อีก 4 แห่ง มีระดับความเชื่อมั่นในข้อมูลอยู่ในเกณฑ์ต่ำ และแทบจะไม่เชื่อว่าการแพร่ระบาดของโควิดที่เกิดขึ้นเป็นการแพร่ระบาดของโรคตามธรรมชาติ ส่วนหน่วยงานด้านข่าวกรองอีก 2 แห่งยังไม่ปักใจเชื่อหรือสรุปว่าเชื้อไวรัสดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไรและมีต้นตอมาจากที่ไหน
ถึงแม้จะมีการวิเคราะห์มากมายจากหน่วยงานต่างๆ แต่หลายฝ่ายก็ยังมีความเห็นที่สอดคล้องกันว่า เชื้อโควิดไม่ได้เป็นผลมาจากการพัฒนาโครงการอาวุธชีวภาพของจีนแต่อย่างใด
ด้าน เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว เผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้ขอให้หน่วยงานต่างๆ พยายามหาคำตอบให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ว่าการระบาดเริ่มต้นขึ้นได้อย่างไรและเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ให้คำมั่นว่าจะทำทุกวิถีทางในการค้นหาคำตอบเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเชื้อไวรัส โดย WHO ทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ชาวจีน และได้เดินทางไปยังสถาบันไวรัสวิทยาในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการความปลอดภัยทางชีวภาพที่เหล่านักวิจัยได้ทำวิจัยต่างๆ เกี่ยวกับค้างคาวอยู่ในขณะนี้
ถึงกระนั้นการสืบสวนของ WHO ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าขาดความโปร่งใส และการประเมินสมมติฐานถึงสาเหตุการแพร่ระบาดที่คาดว่าอาจเกิดจากการรั่วไหลของเชื้อไวรัสจากห้องแล็บนั้นไม่น่าจะมีความเป็นไปได้อย่างยิ่ง โดยคำอธิบายที่สมเหตุสมผลมากที่สุดคือ เชื้อไวรัสมีต้นกำเนิดมาจากค้างคาว ก่อนที่จะแพร่ระบาดไปยังสัตว์อื่นที่เป็นตัวกลาง จนพัฒนาไปสู่การแพร่ระบาดในมนุษย์ในท้ายที่สุด
โดยจีนได้กล่าวหาว่า สหรัฐฯ เป็นผู้ทำให้การสืบสวนในประเด็นดังกล่าวนี้กลายเป็นเรื่องทางการเมือง และทำให้ประเทศตนกลายเป็นแพะรับบาป หลังจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยขนานนามเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ว่าเป็น ‘ไวรัสจีน’ แต่อย่างไรก็ตาม การค้นหาต้นกำเนิดของเชื้อโควิดนั้นยังถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับเพื่อเตรียมความพร้อมและป้องกันการแพร่ระบาดที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต
ภาพ: Feature China / Future Publishing via Getty Images
อ้างอิง: