บอร์ด MAKRO อนุมัติเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น ‘ซีพี แอ็กซ์ตร้า’ ชื่อย่อหุ้น ‘CPAXT’ เคาะจ่ายปันผลงวดสุดท้าย 0.33 บาทต่อหุ้น จำนวน 3,492 ล้านบาท วันที่ 17 พฤษภาคม เตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้น 20 เมษายน 2566
เสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร และประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจสายงานบัญชีและการเงิน บมจ.สยามแม็คโคร หรือ MAKRO รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ได้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนชื่อบริษัทจากบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO เป็นบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ชื่อภาษาอังกฤษคือ CP Axtra Public Company Limited และเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์เป็น CPAXT
ขณะเดียวกันได้มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ในวันที่ 20 เมษายน 2566 พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2565 ในอัตรา 0.51 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินปันผลที่ต้องจ่ายทั้งสิ้น 5,396 ล้านบาท คิดเป็น 70% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม
เมื่อหักการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.18 บาทต่อหุ้น ที่บริษัทได้จ่ายไปแล้วเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2565 คงเหลือเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายอีกในอัตรา 0.33 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินจำนวน 3,492 ล้านบาท โดยจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อตามที่ปรากฏ ณ วันกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้นในการรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 28 เมษายน และกำหนดจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในวันที่ 17 พฤษภาคม 2566
ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทฯ และบริษัทย่อย กำไรสุทธิ 7,696.90 ล้านบาท ลดลง 43.76% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 13,686.73 ล้านบาท สาเหตุหลักเจอต้นทุนทางการเงินเพิ่มสูงขึ้น 7,122 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 357.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,557 ล้านบาท
โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีต้นทุนการเช่าและการให้บริการรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 5,982 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,936 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการเช่าและการให้บริการของกลุ่มธุรกิจค้าปลีก
ขณะที่ต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารรวมทั้งสิ้น 62,842 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้รวม 13% โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 36,353 ล้านบาท หรือ 137.2% เป็นผลมาจากต้นทุนในการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายในการบริหารของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเพิ่มขึ้นรวม 33,560 ล้านบาท
ปี 2565 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 469,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขาย 447,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188,552 ล้านบาท หรือ 72.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการรวมกิจการกลุ่มธุรกิจค้าปลีกตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2564 กอปรกับการเติบโตของรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่ง จำนวน 21,093 ล้านบาท หรือ 9.5% จากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจแม็คโครประเทศไทย การเติบโตของธุรกิจแม็คโครต่างประเทศ และธุรกิจฟู้ดเซอร์วิสที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว และผ่อนคลายมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘ซีพี กรุ๊ป’ ยื่นเสนอราคาซื้อ ‘Metro Cash & Carry’ ด้วยมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ วงการมองมีลุ้นสู้กับ Reliance Retail
- ยักษ์ค้าปลีกโดดรุมร้านโชห่วย! แม็คโครเร่งสปีด ‘บัดดี้มาร์ท’ ตั้งเป้าเปิดเพิ่ม 2,000 แห่งภายในปี 66 เคาะราคาลงทุนเริ่ม 4 แสนบาท
- จับตา! หุ้น MAKRO จะวิ่งต่อหรือไม่? หลังมีข่าวลือ ‘กลุ่มซีพี’ ยกเลิกดีลซื้อห้าง Metro ที่อินเดีย