สิงคโปร์ยังตั้งเป้าที่จะประสบความสำเร็จในการดึงดูดบริษัทผู้ผลิตชิปให้เข้ามาตั้งฐานการประกอบเซมิคอนดักเตอร์และออกแบบวงจรในประเทศของตัวเอง ท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่เริ่มส่งผลกระทบต่อการค้าและเทคโนโลยีโลกมากขึ้น
Beh Swan Gin ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจของสิงคโปร์ (EDB) ยอมรับในการให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg เมื่อเร็วๆ นี้ว่า กฎหมาย CHIPS Act หรือชื่อเต็มคือ ‘Creating Helpful Incentives to Produce Semiconductors for America Act’ ของสหรัฐฯ ซึ่งมีเนื้อหาสนับสนุนการค้นคว้าและการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศกำลังส่งผลต่อเป้าหมายของสิงคโปร์
“แน่นอนว่านโยบายที่แข็งกร้าวในการนำการผลิตและการพัฒนาเทคโนโลยีกลับคืนสู่สหรัฐฯ จะทำให้การแข่งขันในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนในอุตสาหกรรมชิปและเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งเป็นเป้าหมายของเราเช่นกันเข้มข้นขึ้น แต่เราจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาส่วนแบ่งที่เหมาะสมสำหรับเรา” Beh ระบุ
ปัจจุบันสิงคโปร์มีส่วนแบ่งการผลิตแผงวงจรชิปและเซมิคอนดักเตอร์อยู่ราว 5% ของโลก โดยปีที่ผ่านมาสิงคโปร์สามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากอุตสาหกรรมชิปและเซมิคอนดักเตอร์ได้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ และคาดว่าการหลั่งไหลเข้ามาของเม็ดเงินลงทุนจะมีต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ แม้ว่าตัวเลขอาจจะไม่สูงเท่าปี 2022 ก็ตาม
“เราเป็นประเทศเล็กๆ ดังนั้นส่วนแบ่งจากเค้กที่เราต้องการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของเราต่อไปจึงไม่ได้สูงมาก” Beh กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เกิดอะไรขึ้นกับ ‘ฮ่องกง’ ทำไมสถานะ ‘ศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย’ กำลังถูกสั่นคลอน และอาจกลายเป็นแค่อดีต
- ส่องกรณีศึกษาการเติบโตของ เศรษฐกิจสิงคโปร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่รออยู่ข้างหน้า
- เปิดจุดเด่น เวียดนาม หลังจ่อขึ้นแท่นประเทศที่คว้าชัยในยุค Deglobalization
อ้างอิง: