หน้ากากฉายแสง LED รักษาสิวได้จริงไหม ทำไมมีหลายสีจัง แล้วแสงสีไหนช่วยฟื้นฟูผิวหน้าในเรื่องอะไรบ้าง
ดร.ข้าว จะพาทุกคนไปเจาะลึกงานวิจัยล้ำๆ เพื่อไขข้อสงสัยเกี่ยวกับนวัตกรรมดูแลผิวหน้าด้วยการฉายแสง ที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมกันมากในรูปแบบของ LED Facial Mask ซึ่งเชื่อว่าหลายคนก็กำลังชั่งใจว่าจะซื้อมาลองใช้ที่บ้านดีไหม ฟังเอพิโสดนี้ รับรองว่ารู้เรื่อง!
ทำไมแสง LED ถึงมีประโยชน์กับผิวหน้าของเรา
นวัตกรรมการฉายแสง LED มีชื่อทางเทคนิคว่า Light Therapy หรือ Low Level Light Therapy (LLLT) มันคือกระบวนการที่ใช้หลอด LED ในการเปล่งแสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะเจาะจงในช่วงของแสงที่ตาของเรามองเห็นให้ตกไปยังส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ปัจจุบันนิยมใช้งานที่บริเวณผิวหน้า เพื่อให้เซลล์ได้รับพลังงานจากแสงและถูกกระตุ้นให้ทำงานได้ดีขึ้น
ในวงการผิวหนังให้ข้อมูลว่าการฉายแสง LED บริเวณผิวหน้าช่วยให้ผิวหน้าของเราดีขึ้นได้ในหลายๆ กรณี ทั้งลดโอกาสการเกิดสิว ลดการอักเสบ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสติน ลดรอยตีนกา ลดอายุผิวให้เหมือนย้อนวัยได้อีกครั้ง
ย้อนเวลากลับไปสักหน่อยจะพบว่าจริงๆ แล้วมนุษย์ใช้ประโยชน์จากแสง LED กันมานานแล้ว โดยเริ่มต้นจากองค์การ NASA ที่นำไปใช้ในการปลูกพืชบนยานอวกาศ โดยฉายแสง LED ที่มีความเข้มข้นสูงกว่าแสงจากดวงอาทิตย์เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์พืช ทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้แม้ว่าจะอยู่ในยานอวกาศก็ตาม
หลังจากนั้นเป็นต้นมา LED ก็ถูกนำมาวิจัยเพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์มากขึ้น หนึ่งในนั้นคือโรคที่เกี่ยวข้องกับผิวหนัง ซึ่งแต่เดิมอุปกรณ์ในการฉายแสงมักจะใช้กันเฉพาะในโรงพยาบาลหรือตามคลินิกเท่านั้น เพราะมักจะเป็นเครื่องขนาดใหญ่ แต่ใครที่ติดตามวงการความงามอยู่แล้ว ก็น่าจะพอรู้ว่าทุกวันนี้มีการขายหน้ากาก LED กันอย่างแพร่หลาย แบบที่เรียกได้ว่าหยิบมาฉายแสงทุกคืนก่อนนอนก็ยังได้
LED Facial Mask ทำงานอย่างไร แสงสีไหนช่วยเรื่องอะไรบ้าง
แม้ LED Facial Mask ของแต่ละแบรนด์จะมีหน้าตาที่แตกต่างกันไปบ้าง แต่ภายใต้หน้ากากนั้นจะมีหลักการทำงานในรูปแบบเดียวกันคือ จะมีหลอด LED ที่เปล่งแสงสีต่างๆ โดยจะให้คลื่นแสงอยู่ในช่วงแสงที่ตามองเห็น หรือแสงสีขาวที่มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 400-700 นาโนเมตรเท่านั้น เมื่อมีการปล่อยแสงออกมา พลังงานแสงก็จะวิ่งมากระทบกับเซลล์ผิวหน้าของเราให้ทำงานได้ดีขึ้น จนทำให้เกิดกระบวนการฟื้นบำรุงผิวหน้าได้
ทั้งนี้ แสงสีต่างๆ จะมีความยาวคลื่นที่แตกต่างกันออกไป หากจะเรียงลำดับความเข้มข้นก็เทียบได้กับแสงสีของรุ้งกินน้ำ นั่นก็คือ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง โดยแสงสีม่วงจะมีความยาวคลื่นต่ำที่สุด และแสงสีถัดไปก็จะมีความยาวคลื่นมากขึ้นไปตามลำดับ
แสงสีที่มีความยาวคลื่นต่ำอย่างสีม่วงหรือน้ำเงินจะเป็นแสงที่มีความสามารถในการทะลุทะลวงชั้นผิวหนังของคนเราได้น้อยกว่าแสงในโทนสีแดง โดยมันจะวิ่งเข้าไปทำปฏิกิริยากับผิวในชั้นที่ตื้นกว่า นี่จึงเป็นเหตุผลว่าแสงแต่ละสีให้ผลลัพธ์ในการบำรุงผิวหน้าที่แตกต่างกันออกไป
แสงสีน้ำเงิน ช่วยในการรักษาสิวได้จริงตามที่สถานเสริมความงามและแบรนด์ต่างๆ โฆษณา เพราะสามารถฆ่า P.acne แบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของสิวอักเสบได้ ฉะนั้นการที่เราสวมหน้ากากแล้วฉายแสงสีน้ำเงินวันละ 10-20 นาทีอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถลดปริมาณของแบคทีเรียตัวร้ายได้นั่นเอง
แต่อย่าเพิ่งคาดหวังว่าแสงสีน้ำเงินจะช่วยลดสิวได้ทุกประเภท เพราะถ้าหากเป็นสิวอุดตันที่เกิดจากไขมันหรือสิ่งสกปรกบนใบหน้า ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาในจุดนี้ได้ แนะนำให้ไปจัดการให้ตรงจุดด้วยการทำความสะอาดใบหน้าให้ถูกวิธีเพื่อลดโอกาสการอุดตันบนรูขุมขนจะดีที่สุด
แสงสีแดง มีความสามารถในการทะลุทะลวงได้ถึงชั้นหนังแท้ ที่มีทั้งเส้นเลือด รากขน ต่อมไขมัน และเส้นประสาทต่างๆ โดยแสงสีแดงจะเข้าไปกระตุ้นเซลล์ที่เรียกว่า Mitochondria ซึ่งเป็นแหล่งผลิตพลังงานของเซลล์ผิวหนังให้ทำงานดีขึ้น สร้างเส้นเลือดให้มาหล่อเลี้ยงผิวหนัง เพิ่มการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ริ้วรอยตื้นขึ้นได้ด้วย
นอกจากนี้ในหน้ากากบางรุ่นจะมีฟังก์ชันที่ชื่อว่า NIR (Near Infrared) เป็นแสงที่มีความยาวคลื่นสูงกว่าแสงสีแดง ซึ่งจะเข้าไปเสริมการทำงานของแสงสีแดงให้ดียิ่งขึ้น ด้วยความยาวคลื่นที่มากกว่า ทะลุทะลวงได้มากกว่า ประสิทธิภาพของมันจึงดีกว่าในการกระตุ้นการทำงานของ Mitochondria
แสงสีเขียว มีความสามารถกระตุ้นการกระจายตัวของเซลล์เม็ดสี จึงช่วยให้ผิวหน้ามีความกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ รอยดำต่างๆ จะลดลง
ข้อควรระวังในการใช้แสง LED กับผิวหน้า
บางคนอาจมีความกังวลเรื่องผลข้างเคียงในการใช้งาน แต่จะบอกว่าการฉายแสง LED บนใบหน้านั้นเป็นการปล่อยพลังงานที่ค่อนข้างต่ำและปลอดภัย เพราะอยู่ในช่วงความยาวคลื่นที่ไม่ใช่แสงยูวี จึงไม่ทำอันตรายต่อเซลล์ผิว และไม่มีความรู้สึกเจ็บขณะฉายแสงแต่อย่างใด
แต่มีคำแนะนำเล็กน้อยคือ หลังจากการใช้อุปกรณ์ LED Facial Mask แล้วควรหลีกเลี่ยงแสงแดดเข้มๆ หรือถ้าหากคุณเป็นคนที่มีผิวบอบบางต่อแสงแดด ระคายเคืองง่าย หรือเคยเป็นมะเร็งผิวหนังมาก่อน ก็อาจจะยังไม่แนะนำให้ใช้อุปกรณ์ตัวนี้
ทั้งนี้ การตัดสินใจเลือกซื้อหน้ากาก LED Facial Mask มาดูแลผิวหน้า หากจะให้เห็นผลชัดเจนที่สุด จำเป็นต้องใช้อย่างต่อเนื่องครั้งละ 10-20 นาทีไปเรื่อยๆ อย่างน้อย 1 เดือน ไม่จำเป็นต้องฉายแสงทุกวันก็ได้ สามารถเว้นระยะ 2-3 วันต่อครั้ง แต่เน้นย้ำว่าต้องมีความสม่ำเสมอจึงจะเห็นผล