วันนี้ (9 ธันวาคม) ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีค่าแรงขั้นต่ำว่า ควรพิจารณาให้ดีว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ควรเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี ซึ่งคงต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันในหลายภาคส่วน ซึ่งภายใต้เงื่อนไขว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนหรือสงครามการค้าจะทุเลาความขัดแย้งลง เรื่องค่าแรง ปัจจุบันก็มีบางอาชีพที่ได้ค่าแรงเกิน 600 บาทต่อวันอยู่แล้ว
ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อไปว่า เป็นไปตามกลไกของตลาดแรงงาน ที่แรงงานคุณภาพตามมาตรฐานวิชาชีพก็จะได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น เราไม่ควรจะถกเถียงกันที่ตัวเลขขั้นต่ำเพราะมันฉาบฉวย แต่เราควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาแรงงานให้มีทักษะ มีฝีมือ มีคุณภาพ และตรงตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแห่งอนาคต หรือ New S-Curve นโยบายด้านแรงงานที่ไม่ฉาบฉวย คือ ‘สร้าง ยก ให้’ เพื่อเร่งพัฒนาคุณภาพฝีมือและคุณภาพชีวิตของแรงงานไทยเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
สร้าง
การสร้างคุณภาพของคนในชุมชน ด้วยการเตรียมความพร้อมทักษะฝีมือเพื่อรองรับเศรษฐกิจที่ยังคงอยู่ในช่วงเปราะบาง และต้องพยายามผลักดันคนในชุมชน เพื่อดันคนในชุมชนออกไปสู่อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) เพื่อให้มีทางเลือกในการประกอบอาชีพและหารายได้เสริม
ยก
การยกระดับแรงงานเป้าหมายให้เป็นแรงงานที่เป็นฐานเศรษฐกิจคุณภาพ ต้องยกระดับคนในแต่ละชุมชนให้มีความรู้และทักษะแรงงานตรงตามความต้องการของตลาด เพื่อให้ได้รับอัตราค่าจ้างที่สูงขึ้นตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน
ให้
การให้โอกาสกับกลุ่มเปราะบางที่อยู่ในแต่ละชุมชน เข้าถึงการพัฒนาฝีมือไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม ให้เหมาะกับคนในชุมชนกลุ่มนั้นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ สามารถเป็นส่วนหนึ่งของตลาดแรงงานได้
ศ.ดร.นฤมล กล่าวอีกว่า ท่ามกลางวิกฤตการณ์ต่างๆ หากแรงงานมีทักษะก็จะมีทางเลือก มีอาชีพ และมีรายได้ที่สามารถจุนเจือครอบครัว ทำให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งและเติบโตได้อย่างยั่งยืน ท้ายสุดคือการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาวของคนไทยทั้งแผ่นดิน