วันนี้ (8 ธันวาคม) ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวว่า ขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรยังมีร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่มีความจำเป็นและสำคัญที่จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จ เช่น ร่าง พ.ร.บ.ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ หรือ ร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งเป็นเรื่องด่วนที่คณะรัฐมนตรีส่งมา และรวมกับร่างกฎหมายฉบับอื่นอีกแล้วกว่า 10 ฉบับ ดังนั้น หากรัฐบาลต้องการให้ร่างกฎหมายผ่านสภา จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะต้องดูแลเรื่ององค์ประชุม เพราะไม่เช่นนั้นจะไปไม่ถึง แต่ก็เชื่อเวลาที่เหลือของสภา 2 เดือนนั้นเพียงพอ หากองค์ประชุมไม่มีปัญหา
ชวนกล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันศุกร์ที่ 16 ธันวาคมนี้ จะนัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นนัดพิเศษ ซึ่งจะหารือวิปทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อเคลียร์วาระการพิจารณา พร้อมกันนี้ได้เปิดเผยว่า ได้ปรึกษากับ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ในฐานะรัฐบาล ให้ขอเป็นคนกลางประสานพรรครัฐบาล และขอความร่วมมือร่วมการประชุมสภา เพราะการประชุมสภาเป็นหน้าที่ของทุกฝ่าย แต่กลไกระบบนี้รัฐบาลเสียงข้างมากต้องคุมเสียงให้พิจารณาไปได้ แจ้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีแต่ละพรรคแจ้งสมาชิกประชุม
“แม้หากมีการยุบสภาหรือไม่ยุบสภา มีเวลาถึง 28 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งตอนนี้ญัตติของฝ่ายค้านก็ยังไม่ได้เสนอมา ซึ่งวาระของการประชุมรัฐสภาตอนนี้จบแล้ว ล่าสุดโหวตร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมปลดล็อกท้องถิ่น แต่มีอีกฉบับโดยยังอยู่ในขั้นตอนการหากลุ่มสนับสนุน ก่อนจะย้ำขอความร่วมมือทุกฝ่ายในการให้ความร่วมมือการประชุม เพราะเวลาเป็นของมีค่าที่จะใช้ระยะเวลาที่เหลือทำงานด้านกฎหมายให้ประชาชน โดยหวังได้รับความมร่วมมือระดับดีกว่าที่ผ่านมา เพราะที่ผ่านมา ยอมรับว่ายากที่จะทำให้องค์ประชุมครบ” ชวนกล่าว
ชวนยังกล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีองค์ประชุมสภาล่ม ไม่ใช่เกมการเมืองในสภาเพื่อยื้อร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง แต่เป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านไม่ร่วมเป็นองค์ประชุมในการโหวตมาตรา 9/1 ร่าง พ.ร.บ.การเข้าชื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พร้อมยอมรับว่าในการแสดงตนองค์ประชุมเมื่อวานนี้ (7 ธันวาคม) ตนเองก็ลืมกดบัตรแสดงตนเช่นกัน
ชวนย้ำอีกว่า ขอสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อย่าย่อท้อ เพราะเชื่อว่ายังมีเวลาเพียงพอที่จะทำงาน และในสัปดาห์ต่อๆ ไปขอให้รับผิดชอบมาร่วมประชุม และเชื่อว่าปัญหาองค์ประชุมล่มไม่ได้มีเหตุมาจาก ส.ส. โดดประชุม ทำพื้นที่พบชาวบ้านหาเสียง และเปิดเผยว่าสมาชิกบางคนไปภารกิจต่างประเทศ แต่ก็มีสมาชิกบางคนไม่ทราบหายไปไหน มีทุกพรรค ทั้งนี้หากมีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญและต้องเปิดการประชุมวิสามัญก็สามารถทำได้ ซึ่งจะต้องเปิดในช่วงเดือนมีนาคม 2566 แต่ส่วนตัวประเมินว่าขนาดการประชุมสามัญธรรมดาการประชุมยังครบองค์ประชุมยาก
“ประธานสภาและรองประธานสภาต้องหารือกันเองแทนที่จะเป็นฝ่ายบริหารเข้ามาดูแล ก็ทำให้ไม่เหมือนสมัยก่อน โดยเมื่อแจ้งรองนายกฯ วิษณุ ไปแล้ว หวังว่าจะแจ้งต่อนายกรัฐมนตรีรับทราบเพื่อให้เรียกหัวหน้าพรรคทั้งหลายมาหารือว่าแต่ละพรรคต้องกำชับลูกพรรค” ชวนกล่าวในที่สุด