วานนี้ (7 ธันวาคม) ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย กล่าวยอมรับว่า ปฏิบัติการทางทหารพิเศษในยูเครนนั้นอาจกินเวลายาวนาน แต่ขณะนี้ยังไม่มีแผนเรียกระดมพลอีกเป็นครั้งที่ 2
ที่ผ่านมานั้น ปูตินแทบไม่เคยพูดถึงความเป็นไปได้เลยว่าสงครามที่เขาเป็นผู้เปิดฉากขึ้นเมื่อกว่า 9 เดือนที่ผ่านมานั้นจะกินเวลานานเท่าใด โดยในการประชุมร่วมกับผู้จงรักภักดีของรัสเซียวานนี้ ปูตินกล่าวว่า “นี่อาจเป็นกระบวนการที่ยาวนาน”
จากช่วงเริ่มต้นสงครามที่หลายฝ่ายต่างมองว่ารัสเซียเป็นผู้ได้เปรียบ แต่กลับกลายเป็นว่ายูเครนสามารถตั้งรับการโจมตีได้อย่างเหนียวแน่น จนส่งผลให้ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ฝ่ายรัสเซียถูกบีบให้ต้องถอยร่นอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่สู้รบทางตะวันออกและทางตอนใต้ของยูเครน
อย่างไรก็ตาม ปูตินกล่าวเพิ่มเติมว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์นั้นเพิ่มสูงขึ้นด้วย ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่านี่อาจเป็นคำขู่ที่พยายามขัดขวางไม่ให้พันธมิตรชาติตะวันตกเข้ามาช่วยเหลือยูเครนไปมากกว่านี้ แต่ถึงเช่นนั้น รัสเซียไม่ได้พูดว่าฝ่ายของตนจะใช้อาวุธดังกล่าวด้วยความวู่วาม
“เราไม่ได้วู่วาม เราตระหนักดีว่าอาวุธนิวเคลียร์คืออะไร” ปูตินกล่าว “เรามีอาวุธนิวเคลียร์ที่ก้าวหน้าและทันสมัยกว่าประเทศที่ครอบครองนิวเคลียร์แห่งอื่นๆ แต่เราไม่ได้คิดจะวิ่งเต้นกวัดแกว่งอาวุธเหล่านี้เอาง่ายๆ ราวกับเป็นแค่ใบมีดโกน”
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ปูตินได้สั่งเรียกระดมพลทหารจำนวน 300,000 นาย และได้ส่งเข้าไปประจำการในยูเครนแล้วประมาณ 150,000 นาย ขณะที่อีก 150,000 นายที่เหลือนั้นยังคงอยู่ในระหว่างการฝึกฝน
“ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ การพูดถึงมาตรการระดมพลเพิ่มเติมใดๆ คงไม่สมเหตุสมผล” ปูตินกล่าว
แม้ในช่วงหลังมานี้ฝ่ายรัสเซียต้องถอยร่นออกมาจากสนามรบอยู่หลายครั้ง รวมถึงต้องเสียพื้นที่เมืองเคอร์ซอนที่เคยยึดครองไว้ได้ แต่ปูตินกล่าวว่า เขาไม่รู้สึกเสียใจที่เลือกเปิดฉากสงครามครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
ภาพ: MIKHAIL METZEL/SPUTNIK/AFP
อ้างอิง: