เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.อาฟเตอร์ ยู (AU) เผย บริษัทยังมุ่งมั่นสร้างผลดำเนินงานให้เติบโตต่อเนื่อง โดยกลยุทธ์จะเน้นไปที่การขยายสาขาทั้งร้านขนมหวาน After You ทั้งรูปแบบปกติและป๊อปอัพสโตร์, After You Marketplace และแฟรนไชส์ (After You และ Mikka) ทั้งในและต่างประเทศ
โดย 4Q65 มีแผนเปิดสาขาร้านขนมหวานอีก 5 สาขา (พิษณุโลก, ขอนแก่น, Terminal 21 พระราม 3, ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และสนามบินสุวรรณภูมิ) และเดือนธันวาคมจะเปิดสาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว ที่ปิดรีโนเวตไปใน 3Q65 อีกทั้งเปิด After You Marketplace อีกสาขาที่ Cosmo Bazaar Lifestyle Mall
ขณะที่ปี 2566 ตั้งเป้ายอดขายราว 1.2 พันล้านบาท กลับไปสู่ระดับก่อนเกิดโควิด (ภายใต้สมมติฐานนักท่องเที่ยวจีนมาไทย 1-2 ไตรมาส) ปัจจัยหนุนจะมาจากการกลับมาเติบโตของยอดขายสาขาเดิม และการรับรู้ยอดขายสาขาใหม่ ซึ่งปีหน้ามีแผนขยายร้านขนมขนาดปกติ 5 แห่งและขนาดเล็ก 10-20 แห่ง
อีกทั้งเปิดแฟรนไชส์ร้านขนมในฮ่องกงสาขาที่ 2 ใน 1H66 และอีก 2 แห่งในประเทศแถบเอเชียใน 2H66 ส่วนแฟรนไชส์ร้านกาแฟ Mikka คาดขยาย 40-50 แห่ง ขณะที่การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำคาดผลกระทบจำกัดหลังจ่ายค่าจ้างสูงกว่าอุตสาหกรรม
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น AU ปรับลดลง 4.39%MoM อยู่ที่ระดับ 10.90 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 1.14%MoM สู่ระดับ 1,624.39 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565-2566:
InnovestX Research ประเมิน 4Q65 จะเป็นไตรมาสที่มีกำไรสูงสุดในปีนี้ ซึ่งจะเห็นการเติบโตที่ดีทั้ง YoY จากมีฐานกำไรต่ำปีก่อน และ QoQ จากเข้าสู่ไฮซีซัน, มีนักท่องเที่ยวต่างชาติและรับรู้ยอดขายสาขาใหม่ที่มีเพิ่มขึ้น หนุนให้ปี 2565 คาดมีกำไรสุทธิ 122 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิแค่ 4 ล้านบาท
ขณะที่ปี 2566 คาดกำไรเพิ่มเป็น 190 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 56%YoY) และแตะ 237 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 24%YoY) กลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิดในปี 2567 จากยอดขายสาขาเดิมที่คาดจะเติบโตดีหลังกิจกรรมเศรษฐกิจเป็นปกติมากขึ้น การเปิดตัวเมนูสินค้าใหม่ๆ และรับรู้ผลเต็มปีของการปรับขึ้นราคาสินค้าบางรายการ 6-8%YoY ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 อีกทั้งจะรับรู้ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาและแฟรนไชส์เชิงรุก ส่วนมาร์จิ้นคาดปรับตัวดีขึ้นหลังเกิดผลประหยัดต่อขนาดมากขึ้น
ตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาหุ้น AU ปรับขึ้นเพียง 9.6%YTD ซึ่งมองว่ายังไม่ได้สะท้อนผลการดำเนินงานปีนี้ที่ฟื้นตัว และคาดจะก้าวเข้าสู่ภาวะขาขึ้นอีกครั้ง (ปี 2566-2570 คาดกำไรโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 25%) อีกทั้งเมื่อพิจารณาราคาเป้าหมายปี 2566 ที่หุ้นละ 13 บาท (ประเมินด้วยวิธี DCF ซึ่งหากคิดเป็น PEG จะอยู่ที่ 1 เท่า) ยังมี Upside 19%
และคาดบริษัทจะกลับมาจ่ายเงินปันผลได้อีกครั้งจากกำไรปี 2565 อีกอย่างน้อย 0.07 บาทต่อหุ้น (ปีก่อนงดจ่ายปันผล) คิดเป็น Div. Yield ปีละ 0.7% กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ ‘หาจังหวะซื้อ’ โดยเทคนิคมีแนวรับ 10.00 / 10.40 บาทต่อหุ้น
สำหรับความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การขยายสาขาและแฟรนไชส์ต่ำกว่าคาด, ธุรกิจร้านขนมหวานและร้านกาแฟแข่งขันสูง, ความเสื่อมนิยมในตัวสินค้า และ/หรือ กระแสดูแลสุขภาพที่มีมากขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง
- “นี่เป็นราคาที่เราพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย” เจ้าของสุกี้ตี๋น้อยกล่าวหลัง Jaymart ควักเงิน 1.2 พันล้านบาทเข้าถือหุ้น 30%
- ADVANC ทุ่ม 32,420 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ 3BB จาก JAS
- กางแผน ‘โอ้กะจู๋’ หลังมี OR เป็นแบ็กอัป เดินหน้าขยายสาขาเพิ่มเป็น 60 แห่ง ขายผักสดและบุก CLMV ก่อน IPO ในปี 2567