Binance เปิดเผยบัญชีว่ามีการโอน 1 พันล้านดอลลาร์ เข้า ‘Recovery Fund’ เรียบร้อยแล้ว หวังเข้าช่วยเหลือกิจการในคริปโตที่ยังแข็งแกร่งแต่ขาดสภาพคล่อง พร้อมมีแผนอาจเพิ่มเงินลงทุนดังกล่าวเพิ่มเติมในอนาคต
ในคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (24 พฤศจิกายน) ฉางเผิง จ้าว (CZ) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Binance ศูนย์การแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดเผยถึงตัวเลขบัญชีสาธารณะของ ‘Recovery Fund’ ว่าได้มีการโอนเงินมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ในรูป BUSD (Stablecoin) เข้าไปในบัญชีดังกล่าว ไว้สำหรับเข้าซื้อกิจการคริปโตที่แข็งแกร่งแต่ขาดสภาพคล่อง และหากเงินทุนดังกล่าวไม่เพียงพอ ทาง CZ ก็พร้อมเพิ่มเงินลงทุนดังกล่าวไปสู่ระดับ 2 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7 หมื่นล้านบาทในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- การอัปเกรด The Merge ของ Ethereum และทิศทางในอนาคตของเหรียญ ETH
- สรุปการล่มสลายของ FTX ที่อาจจุดชนวนวิกฤตในตลาดคริปโต
- ไมเคิล เบอร์รี เตือนการล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้น โดยมีต้นตอจากตลาดคริปโต
ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีจุดประสงค์ในการทำให้อุตสาหกรรมคริปโตยังมีสภาพคล่องที่มากเพียงพอ และป้องกันผลกระทบลูกโซ่ที่อาจเกิดขึ้น หลังเกิดเหตุการณ์ล่มสลายของแพลตฟอร์ม FTX ที่ไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ในวงการคริปโตอีกมากมาย
โดย CZ ยังได้ย้ำว่า กองทุนดังกล่าวไม่ใช่กองทุนสำหรับการลงทุน แต่ไว้ใช้สำหรับการสนับสนุนบริษัท หรือโปรเจกต์ที่มีปัญหาที่ไม่ได้มาจากปัจจัยเฉพาะตัว แต่เจอปัญหาสภาพคล่องระยะสั้นจากปัจจัยภายนอกกดดัน ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะมีระยะเวลาประมาณ 6 เดือน
ในขณะนี้ Binance ก็มีการเปิดรับใบสมัครจากนักลงทุนที่หวังเข้าเพิ่มทุนในกองทุนดังกล่าวเพิ่มเติม ซึ่งทาง Jump Crypto, Polygon Ventures และ Amonica Brand ได้มีการเข้าลงทุนเป็นมูลค่ากว่า 50 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.75 พันล้านบาท ในกองทุนดังกล่าวเพิ่มเติม
Binance ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า “เราค่อนข้างยืดหยุ่นในโครงสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน อาจจะมาในโทเค็น หรือเงินสดและหนี้ก็ได้ เนื่องจากเรามองว่าแต่ละบริษัทจะมีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันไป” ซึ่งในขณะนี้ทาง ‘Recovery Fund’ ได้รับการติดต่อมาจากกว่า 150 บริษัทด้านคริปโตเพื่อขอความช่วยเหลือ
อ้างอิง:
