นอกจากจะเป็นจังหวะที่ใช่ในเวลาที่ถูกต้องของ สกาย-วงศ์รวี นทีธร และ จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน ที่ได้มาร่วมงานกันใน OMG! รักจังวะ..ผิดจังหวะ งานภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตของทั้งคู่
แต่จังหวะนี้ยังใช่พอดีเลยที่ THE STANDARD POP จะชวน สกาย-จูเน่ แชร์ความรู้สึกทั้งเรื่องผลงานการแสดงล่าสุด เรื่องราวการโดนพระเจ้ากลั่นแกล้ง อีกทั้งชวนเราไปทำความรู้จักกับตัวละครกายและจูนให้มากขึ้น เพื่อที่ในคืนวันศุกร์… วันเสาร์ หรือวันอาทิตย์นี้ ทุกคนอาจจะหาจังหวะที่ใช่ไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้ก่อนในโรงภาพยนตร์
OMG! รักจังวะ..ผิดจังหวะ เวลาที่ใช่ จังหวะที่ดีสำหรับภาพยนตร์เรื่องแรกของตัวเอง
สกาย: วันที่ได้รู้ว่าเราถูกเลือกไปเล่น ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ไม่เลยคิดว่าจะมีวันนี้ ส่วนตัวผมแคสต์งานกับ GDH มาประมาณ 5 เรื่องได้ แต่จังหวะมันก็มาใช่เอาที่เรื่องนี้
จูเน่: ดีใจมากค่ะ GDH เป็นค่ายหนังที่อยากจะร่วมงานมาตลอดทั้งชีวิต ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นอะไรที่เกินความคาดหวังนิดนึง ด้วยความที่เราอยากเล่นหนังอยู่แล้ว พอมีจังหวะที่ค่ายติดต่อเข้ามาพอดีพร้อมบทจูนก็เลยดีใจมากๆ ค่ะ ในฐานะที่เราเป็นแฟนคลับหนัง GDH เรารู้สึกว่ามันเป็นหนังประเภทที่เรามองหาเหมือนกัน ในสมัยนี้เรารู้สึกว่าเราอยากเสพหนังฟีลกู๊ดที่แบบสบายๆ ไม่เครียด
ทั้งสองคนเริ่มต้นการจากงานประเภทซีรีส์และละครมาก่อน เห็นความต่างเรื่องการทำงานระหว่างหนังและซีรีส์บ้างไหม
จูเน่: ด้วยความที่หนังจะเล่าเส้นเรื่องของเรา และคู่เราเป็นหลัก ทำให้ตัวเน่รู้สึกกดดันประมาณหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็ตื่นเต้นในเชิงว่า เราจะได้เห็นหน้าตัวเองบนจอโรงหนัง ไม่ใช่ในจอทีวีที่บ้านแล้ว
สกาย: ด้วยความที่เราเล่นของ GDH และนาดาวมาโดยตลอด ซึ่งวิธีการถ่ายทำมันเหมือนหนังอยู่แล้ว ก็เลยแทบจะไม่ได้มีความแตกต่างกันในเรื่องของวิธีการทำงาน แต่จะแตกต่างในเรื่องของการเตรียมตัวมากกว่า
เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพราะว่าเหมือนหนังมันมีแค่ 2 ชั่วโมง แต่ซีรีส์จะยิงยาว 10 กว่าตอน เหมือนเราแค่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมมากขึ้นในการถ่ายทำ สำหรับผมรู้สึกว่าการถ่ายหนังโอกาสมันน้อยกว่าซีรีส์ จริงๆ เราก็เตรียมตัวมาดีทั้งคู่แหละ แค่พอเป็นหนังเรื่องแรกเราก็เลยอยากทำให้มันดีมากๆ เพอร์เฟกต์ที่สุด
แต่สุดท้ายพอไปออกกองก็จะเจอเหตุการณ์บางอย่างที่มันทำให้เรา ไม่สามารถเพอร์เฟกต์ได้ 100% หรอก มันจะเจอกับปัจจัยอื่นๆ ที่อยู่เหนือการควบคุมของเราไม่ว่าจะเป็นฝนตกเอย เจอเสียงบันทึกเสียงไม่ได้ก็มี
เล่าคาแรกเตอร์กายกับจูนให้ฟังหน่อย
สกาย: ตัวละครกายจะเป็นคนที่โตมากับพี่สาวสองคนแล้วก็น้องสาวหนึ่งคน ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ พี่สาวคนโตที่เลี้ยงเรามา ซึ่งทำให้กายเป็นคนที่เข้าหาผู้หญิงเป็นเพราะว่าถูกผู้หญิงเทรนด์มาตั้งแต่เด็ก พี่ๆ เราจะคอยแบบชี้นำ บงการว่าคุยกับคนนี้ต้องอย่างนี้สิอย่างนั้นสิ เราเลยจะเก่งเรื่องการเมกเฟรนด์กับผู้หญิงแต่ไม่ใช่ในเชิงชู้สาวนะ แค่รู้วิธีเข้าหาว่าผู้หญิงชอบอะไรผู้หญิงไม่ชอบอะไร
แต่กายเป็นคนไม่เชื่อเรื่องการบอกชอบ เพราะรู้สึกว่าไม่อยากจะเอาความสัมพันธ์ไปเดิมพันกับคำพูดแค่คำเดียว เขารู้สึกว่าไม่คุ้ม เลยจะเชื่อในการเป็นเพื่อนมากกว่า ตีเป็นเพื่อนไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเดี๋ยวชอบกันไปเอง
จูเน่: ส่วนจูนก็เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้มีพี่น้องเป็นลูกคนเดียว จริงๆ เป็นเด็กต่างจังหวัดด้วยซ้ำ เขาจะมีความสันโดษเป็นพื้นฐานประมาณหนึ่ง
ด้วยความที่เป็นคนแบบตรงไปตรงมา รู้สึกอย่างไรก็จะแสดงความรู้สึกในทิศทางนั้น จูนก็เลยจะเข้ากับเพื่อนผู้ชายได้ดีกว่า แล้วก็มีเพื่อนสนิทจริงๆ ที่เป็นผู้หญิงแค่คนเดียวคือ เล็ก อย่างในมหาวิทยาลัยเราเป็นทั้งดาวคณะและหลีดมหาวิทยาลัยด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ทำให้คนมองว่าเราไม่น่าคบ
คิดว่าระหว่าง สกาย-กาย และ จูเน่-จูน เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
สกาย: ผมเหมือนกายตรงความคิดเยอะครับ ตัวกายจะเป็นคนคิดเยอะ แต่ว่าแสดงออกมาน้อย ในเรื่องจะมี VoiceOver จากความคิดของตัวละครกายดังอยู่เรื่อยๆ ตลอดเวลา ซึ่งคล้ายกับผมครับ เพราะผมคิดเยอะกับทุกๆ เรื่องเลย เป็นคนขี้เกรงใจ แต่ภายนอกคนจะคิดว่าไม่ค่อยเกรงใจใคร
ส่วนความต่างคือผมโตมากับพี่ชาย แต่ในเรื่องกายมีพี่สาวหมดเลย บางครั้งเราก็เลยอาจจะคุยกับผู้หญิงเหมือนคุยกับผู้ชาย ไม่เหมือนกายที่รู้วิธีคุยกับผู้หญิงมากกว่า
จูเน่: จูเน่กับจูนเป็นคนอีโมชันนัลเหมือนกัน เป็นคนค่อนข้างเก็บความรู้สึกของตัวเองได้ไม่ค่อยอยู่ เช่น ถ้าเศร้าก็อาจจะฝืนไม่เศร้าได้ยาก หน้ามันออก ส่วนที่แตกต่างกันคือความชัดเจน จูนจะไม่ได้ชัดเจนในเรื่องของ Passion และไม่ได้มีเป้าหมายในการใช้ชีวิตขนาดนั้น ที่ผ่านมาจูนจะเป็นเด็กที่ใครให้ทำอะไรก็ทำไปตามน้ำ ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเองชอบทำอะไรกันแน่
คิดว่ากายกับจูนเป็นลูกรักพระเจ้าไหม
สกาย: ไม่ครับ เพราะจังหวะมันผิดหมดเลยทั้งเรื่อง เหมือนโดนพระเจ้ากลั่นแกล้งตลอดเวลา จังหวะที่สมควรได้รับบางสิ่งกลับไม่ได้ ในเรื่องก็เลยจะโทษพระเจ้าตลอดเวลา
จูเน่: ส่วนตัวหนูเชื่อว่าไม่มีใครเป็นลูกรักพระเจ้าทั้งนั้น ไม่มีใครพิเศษไปกว่าใคร สุดท้ายแล้วมันอยู่ที่เรามองมากกว่า มันมีทั้งช่วงเวลาที่เรารู้สึกว่าชีวิตเราโดนกลั่นแกล้ง แต่บางทีก็รู้สึกว่าชีวิตเราโชคดีเหมือนกัน อยู่ที่ว่าช่วงนั้นเรามองโลกไปในทิศทางไหน
ลองเล่าจังหวะที่รู้สึกว่าพระเจ้ารักและพระเจ้ากลั่นแกล้งในชีวิตจริงให้ฟังหน่อย
จูเน่: มันเยอะมากเลย มีทางเหตุการณ์ที่รู้สึกว่าโดนกลั่นแกล้งแล้วก็เหตุการณ์ที่รู้สึกว่าโชคดีมาก อย่างล่าสุดคือรถหนูไปเฉี่ยวกับร้านขายน้ำผลไม้มา ตอนนั้นกำลังรีบ เรากำลังมองคนที่ยืนอยู่ตรงร้าน เราระวังคน แต่เราลืมระวังโต๊ะ ก็เลยกวาดโต๊ะเขาไปเลย
มันเป็นเหตุการณ์ที่รู้สึกว่าโชคร้ายมาก แต่ในความโชคร้ายมีความโชคดี เพราะตอนนั้นใจหายวาบเลย พอเขาเริ่มโวยวาย เราก็คิดว่าจะเป็นข่าวใหญ่หรือเปล่าเนี่ย แต่คุยไปคุยมาคุณป้าน่ารักมาก พอเจรจาอะไรกันเรียบร้อย เราก็อุดหนุนของคุณป้ามานิดหน่อยค่ะ
สกาย: ถ้าโชคร้ายที่สุดก็คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับรถเหมือนกันครับ ตอนออกรถมาใหม่ เพิ่งได้ใบขับขี่มาออกถนนอาทิตย์แรกชนเลย เฉี่ยวกับแท็กซี่ เปิดมาคู่กรณีก็ตัวตึงแล้ว
จูเน่: คุณเจอโจทย์ยากเหมือนกันนะ
สกาย: หลังจากนั้นภายในหนึ่งปีก็ชนไปเจ็ดแปดครั้งครับ ผมถือ Concept ยิ่งเยอะยิ่งเลอะประสบการณ์ (หัวเราะ) ล้อเล่นนะครับ แค่เป็นจังหวะความซวยและด้วยความมือใหม่ของเรา เหมือนว่าต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้แนะนำว่าให้ชนเยอะแล้วจะเก่งนะครับ
พระเจ้าเคยให้จังหวะตกหลุมรักมาบ้างไหม
สกาย: ของผมเป็นตกหลุมรักการแสดงได้ไหมครับ ช่วงแรกที่เข้าวงการผมเป็นคนที่ต่อต้านการแสดง เพราะรู้สึกว่าชอบในฐานะผู้ชมแล้ว ไม่ได้อยากเป็นนักแสดง แต่แบบพอเข้ามาในวงการก็โชคดีที่มีผู้ใหญ่และคนรอบข้างคอยซัพพอร์ตเรา เชื่อในตัวเรา จนเป็นแรงขับเคลื่อนให้ผมหลงรักในการแสดง
จูเน่: มีเยอะเลย แต่เวลาชอบใครหรือกับเรื่องใดๆ ในชีวิตก็ตาม หนูจะเป็นคนค่อนข้างชัดเจนในความรู้สึก เพราะว่าราฝืนความรู้สึกตัวเองไม่ค่อยเก่งเท่าไร เวลาที่เราอินกับอะไรมากๆ ก็จะพยายามหาโอกาสเข้าไปพิสูจน์ว่าสิ่งนี้จะพาเราไปเจอกับอะไร
เพลงประกอบหนังเรื่องนี้ชื่อ ‘คืนวันศุกร์’ ปกติแล้วในคืนวันศุกร์เราจะเจอสกายและจูเน่ได้ที่ไหน
จูเน่: เมื่อก่อนทุกวันไม่ว่าวันไหนก็เหมือนกันหมด เพราะที่ผ่านมาด้วยความที่เราทำอาชีพเป็นฟรีแลนซ์อยู่แล้ว ทุกวันคือวันทำงานของเรา แต่พอเราได้มาสุงสิงกับพี่ทีมหนังต่างๆ เขาเป็นคนที่เขามีรูทีนว่าคืนวันศุกร์สำหรับพนักงานออฟฟิศมันคือวันปาร์ตี้นะ เราก็เริ่มที่จะไปแฮงเอาต์บ้าง บางทีพี่สกายก็อยู่ด้วยกันนี่แหละ ก็มาด้วยกัน
สกาย: ก็บอกว่าไปโรงหนังไง อย่าขัดคำตอบดิ
จูเน่: คุณจะอยู่โรงหนังทุกวันศุกร์เลยเหรอคะ (หัวเราะ)
อยากให้แนะนำคนอ่านหน่อยว่าคืนวันศุกร์นี้ไปทำอะไรดี
สกาย: แนะนำว่าคืนวันศุกร์หรือคืนไหนก็ได้นะครับ ให้ไปดูหนังเรื่อง OMG! รักจังวะ..ผิดจังหวะ เพราะว่าหนังเพิ่งเข้าโรงฉายเลย ต้องไปดูแล้ว ไปดูกับเพื่อน กับครอบครัวก็ได้ ดูหนังเสร็จแล้วก็ไปหาข้าวกินก่อนแยกย้าย
จูเน่: ใช่ค่ะ คืนวันศุกร์ หรือคืนวันเสาร์ วันอาทิตย์ อย่าลืมไปมีช่วงเวลาร่วมกันในโรงภาพยนตร์นะคะ เป็นหนังที่เดินออกมาจากโรงแล้วไม่หงุดหงิด ไม่รู้สึกว่ามันค้างคา อยากให้ทุกคนไปดูกัน
สกาย: ไปดูแล้วลองออกมาคุยกันว่าแต่ละคนรู้สึกอย่างไร เพราะผมว่าแต่ละคนเข้าไปดูออกมาแล้วจะรู้สึกไม่เหมือนกันแน่นอนครับ