วันนี้ (9 สิงหาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) กำหนดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย เริ่มในเดือนกันยายนนี้ มีการคำนวณค่าบริการไว้เรียบร้อย โดยใช้สูตร 14+2x (ค่าแรกเข้า 14 บาท บวกด้วยสองคูณกับจำนวนสถานีที่ใช้บริการ )
ชัชชาติกล่าวว่า ตอนนี้อยากรีบคุยเรื่องค่าแรกเข้า แม้จะมีการปรับราคาค่าโดยสาร แต่ค่าแรกเข้า กทม. ไม่ได้เลย ทำให้รายได้ที่ควรจะเข้า กทม. ไม่ได้เยอะ ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้โดยสารขึ้นรถไฟฟ้ามาจากส่วนต่อขยายบริเวณสถานีคูคต (กทม. รับผิดชอบ) ผ่านเข้ามายังสถานีชั้นใน หรือเรียกว่าส่วนไข่แดง (เอกชน BTSC ได้สัมปทาน) ใครควรจะได้ค่าแรกเข้า ถ้า กทม. เก็บค่าโดยสารได้ 19 บาท และต้องหักบางส่วนไปจ่ายค่าแรกเข้าให้ส่วนที่เอกชนรับผิดชอบส่วนที่เป็นไข่แดง กทม. จะเหลือเงินนิดเดียว
ดังนั้นต้องไปเจรจาว่าจะแบ่งสัดส่วนกันอย่างไร เพราะตามหลักแล้วค่าแรกเข้าควรเป็นค่าบริการดูแลสถานีแรกเข้าใช้บริการรถไฟฟ้า ตรงนี้ยังไม่ชัดเจน
ชัชชาติกล่าวต่อไปว่า อย่าลืมว่ารถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว กทม. ต้องจ่ายค่าจ้างเดินรถปีละ 5-6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องยากที่มีรายได้ให้คุ้มทุน กทม. คาดว่าจะประกาศราคาค่าโดยสารประมาณสัปดาห์นี้ หรืออาจจะเป็นสัปดาห์หน้า เพื่อเริ่มเก็บค่าโดยสารในเดือนกันยายนนี้
ส่วนการแบ่งสัดส่วนค่าแรกเข้านั้น สามารถไปเจรจากับเอกชนทำควบคู่ไปได้ โดยจะเก็บค่าโดยสารมาก่อน เพราะต้องให้เวลาเอกชนเตรียมตัวล่วงหน้าสำหรับเตรียมระบบเก็บค่าบริการประมาณ 30 วัน
“อย่างไรก็ตาม ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่า การเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยายสายสีเขียวเป็นเรื่องของความยุติธรรม คนที่ใช้ก็ควรต้องจ่าย เพราะถ้าไม่เก็บค่าโดยสารผู้ใช้บริการ จะกลายเป็นว่าทุกคนในกรุงเทพฯ ต้องมาช่วยจ่ายค่าเดินรถส่วนที่ 2 ซึ่งไม่ยุติธรรมกับกลุ่มที่ไม่ได้ใช้รถไฟฟ้า” ชัชชาติกล่าว