ธนาคารกลางรัสเซีย หั่นดอกเบี้ยรวดเดียว 1.50% ลงมาอยู่ที่ระดับ 8%

ธนาคารกลางรัสเซีย เดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง ล่าสุดประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% ซึ่งเป็นการปรับลดลงติดต่อกันเป็นครั้งที่ 5 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ 8% ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างหนักจากการเกิดสงคราม

วานนี้ (22 กรกฎาคม) ธนาคารกลางรัสเซียประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1.50% สู่ระดับ 8% ซึ่งต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยในช่วงก่อนเกิดการสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยธนาคารกลางระบุว่า การตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว

ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 5 ในปีนี้ และเป็นการปรับลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.50%

แถลงการณ์จากธนาคารกลางระบุว่า เศรษฐกิจรัสเซียกำลังเผชิญการท้าทายจากปัจจัยภายนอก ซึ่งยังคงส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยข้อมูลจากธนาคารกลางระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมิถุนายน

ธนาคารกลางระบุว่า การตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการปรับตัวของเงินเฟ้อ และกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจในระยะยาวจากชาติตะวันตก

นอกจากนี้ ธนาคารกลางคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลงสู่ระดับ 12-15% ในปีนี้ ก่อนที่จะลดลงเป็น 5-7% ในปีหน้า และกลับสู่ระดับเป้าหมายของธนาคารกลางที่ 4% ในปี 2024

ด้านเงินรูเบิลอ่อนค่าลงทันทีหลังการประกาศลดอัตราดอกเบี้ย โดยอ่อนค่าลงมากถึง 2.6% โดยที่ เอลวิรา นาบิลลินา (Elvira Nabiullina) ผู้ว่าการธนาคารกลางรัสเซีย กล่าวกับสื่อว่า ค่าเงินที่อ่อนค่าลง และการคาดการณ์เงินเฟ้อที่ลดลง เป็นแรงจูงใจในการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย

“ข้อมูลที่ได้รับมาบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจะยืดเยื้อมากขึ้น และอาจตกต่ำลึกน้อยลง ซึ่งในบรรดาการดำเนินนโยบายเชิงผ่อนคลาย ธนาคารกลางเลือกลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำที่สุด” เอลวิรากล่าว

ทั้งนี้ การดำเนินโยบายเชิงผ่อนคลายของรัสเซียที่เริ่มขึ้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้รับอานิสงส์จากการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อ หลังจากที่เงินรูเบิลแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างรวดเร็ว แม้ว่านายธนาคารกลางตั้งแต่ยุโรปไปจนถึงแอฟริกาใต้กำลังใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดที่สุดในรอบหลายทศวรรษ แต่การแยกตัวของรัสเซียออกจากตลาดโลกทำให้มีภูมิคุ้มกันต่อความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง

ทั้งนี้ เศรษฐกิจรัสเซียมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยที่ตื้นกว่าที่เคยกังวลในตอนแรก โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และยุโรปได้

และด้วยแรงผลักดันจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และพันธมิตร การนำเข้าไปยังรัสเซียจึงลดลงทั้งหมด ส่งผลให้ยอดเกินดุลในบัญชีเดินสะพัดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดังนั้นท่ามกลางความไม่สมดุลทางการค้า อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงอาจช่วยบรรเทาทุกข์แก่ผู้บริโภค และช่วยฟื้นอุปสงค์ในประเทศ

อ้างอิง: