GameStop ไล่ ‘แม่ทัพการเงิน’ และพนักงานในสำนักงานออก เพื่อลดต้นทุนสำหรับฟื้นฟูกิจการ

‘GameStop’ ธุรกิจร้านขายวิดีโอเกมชื่อดังจากอเมริกา ประกาศไล่ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินอย่าง ไมค์ เรอคูเปโร ออก รวมไปถึงการเชือดพนักงานทั่วทั้งบริษัท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการฟื้นฟูเชิงรุกของบริษัท

ทั้งนี้ เขาเพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทได้เพียง 1 ปี และถูกไล่ออกเพราะ ‘เขาไม่เข้ากับวัฒนธรรมในบริษัท’ และ ‘ปล่อยปละละเลยเกินไป’ พนักงานคนหนึ่งกล่าวกับ CNBC ซึ่งเขาถูกไล่ออกโดยประธาน GameStop อย่าง ไรอัน โคเฮน

คนที่จะมาแทนไมค์คือ ไดอานา จาเจห์ ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีของบริษัท และจะมีเงินเดือนรายปีเริ่มแรกที่ 200,00 ดอลลาร์ ตามเอกสารที่ยืนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา และมีสิทธิ์ได้รับ ‘โบนัสเปลี่ยนสายงาน’ ประมาณ 1.9 ล้านดอลลาร์

การเลิกจ้างของบริษัทนั้นกระทบพนักงานฝั่งองค์กรมากกว่าพนักงานหน้าร้าน เพื่อลด ‘การมีพนักงานที่เยอะเกินกว่างานที่มี’ เป็นการลดต้นทุนของบริษัทขณะกำลังลงทุนในด้านอื่น

GameStop กำลังรีแบรนด์ใหม่เพื่อไล่ตามธุรกิจเกมที่ส่วนใหญ่โยกย้ายเป็นออนไลน์กันเกือบหมดแล้ว โดยโคเฮนผู้ก่อตั้งบริษัท E-Commerce อย่าง ‘Chewy (บริษัทผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง) ได้เข้ารับตำแหน่งประธานเมื่อปีที่แล้วเพื่อเข้ามาฟื้นฟูบริษัท และเขานำผู้นำองค์กรใหม่ๆ เข้ามา อย่างเช่น แมตต์ เฟอร์ลอง อดีตผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำ Amazon ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งขณะนี้เป็นซีอีโออยู่ที่ GameStop

เฟอร์ลองเน้นย้ำถึงสิ่งที่ GameStop ได้ดำเนินการเพื่อแก้ภาพลักษณ์ และผลักดันการเติบโตของรายได้เมื่อฤดูใบไม้ผลินี้ โดยเขากล่าวว่าได้เปิดตัวแอปที่ออกแบบมาใหม่เพื่อดึงดูดสมาชิกใหม่ให้ใช้ Rewards Program และจ้างผู้ที่เชี่ยวชาญในแวดวง E-Commerce และเกม NFT เนื่องจากบริษัทมีแผนจะเปิดตัวตลาด NFT ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

เฟอร์ลองกล่าวในโน้ตที่ส่งถึงพนักงานว่า บริษัทต้องกล้าก้าวไปข้างหน้าขณะลงทุนในอนาคตของดิจิทัล เพราะ “มันคือการลดค่าใช้จ่ายส่วนเกิน และดำเนินงานด้วยจิตใจที่แรงกล้าของเจ้าของ” เขากล่าว “ทุกคนในบริษัทต้องลงมือทำงานอย่างจริงจังมากขึ้น”

หุ้นของบริษัทร่วงลงกว่า 6% ในตลาดล่วงเวลา หลังพุ่งขึ้นกว่า 15% ในช่วงเวลาเทรดปกติ ทั้งนี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่าน ราคาหุ้นของ GameStop อยู่ที่ 135.12 ดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าในตลาดของบริษัทอยู่ที่ 1.029 หมื่นล้านดอลลาร์

อ้างอิง: