รัสเซียระดมยิงขีปนาวุธใส่เป้าหมายในกรุงเคียฟของยูเครนอีกครั้งเมื่อวานนี้ (26 มิถุนายน) ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่บรรดาผู้นำโลกจะเปิดฉากการประชุมสุดยอด G7 ในเยอรมนีเป็นวันแรก
การยิงขีปนาวุธครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ที่รัสเซียเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่กรุงเคียฟ โดยมีเสียงระเบิดดังขึ้นถึง 4 ครั้ง ทำลายอพาร์ตเมนต์และโรงเรียนอนุบาลที่อยู่ใกล้เคียง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บอย่างน้อย 6 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเด็กหญิงวัยเพียง 7 ปีที่หน่วยกู้ภัยเข้าช่วยเหลือเธอออกมาจากซากอาคารได้สำเร็จ
ยูริ อิห์แนต (Yurii Ihnat) โฆษกกองทัพอากาศยูเครน เปิดเผยว่า รัสเซียใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ (Strategic Bomber) โจมตีกรุงเคียฟ โดยมีการยิงขีปนาวุธ 4-6 ลูกด้วยกัน อีกทั้งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (25 มิถุนายน) รัสเซียได้ใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล Tu-22M3 โจมตีทางอากาศต่อยูเครนจากน่านฟ้าของเบลารุสเป็นครั้งแรก
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวประณามการกระทำดังกล่าวว่า ‘เป็นความป่าเถื่อน’ ของรัสเซีย พร้อมเน้นย้ำถึงความสามัคคีระหว่างกลุ่ม G7 และ NATO ในการต่อต้านสงครามดังกล่าว ขณะที่ ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกกลุ่ม G7 ตอบโต้รัสเซียด้วยการออกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม รวมถึงเพิ่มการจัดส่งอาวุธหนักให้กับยูเครนด้วย
เพื่อตอบโต้รัสเซียที่ทำสงครามโจมตียูเครนมานานกว่า 5 เดือน ที่ประชุม G7 จึงมีมติเห็นพ้องแบนการนำเข้าทองคำจากรัสเซีย ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญอันดับ 2 รองจากพลังงาน ขณะแหล่งข่าวของรัฐบาลเยอรมนีกล่าวในภายหลังว่า บรรดาผู้นำกำลังมีการสนทนาที่สร้างสรรค์เกี่ยวกับเพดานราคาที่เป็นไปได้สำหรับการนำเข้าน้ำมันรัสเซีย
บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวนอกรอบการประชุมว่า ชาติตะวันตกจำเป็นต้องผนึกกำลังกันเพื่อรักษาแนวร่วมต่อต้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เพราะการยอมถอยและปล่อยให้ปูตินเรืองอำนาจ อาจมีราคาที่ต้องจ่ายมากกว่าเม็ดเงินที่สูญเสียไป
“ราคาของการยอมถอย ราคาของการปล่อยให้ปูตินประสบความสำเร็จในการยึดครองพื้นที่ขนาดใหญ่ของยูเครน และสานต่อการสู้ต่อจนสามารถคว้าชัยชนะไปได้นั้น จะมีราคาสูงกว่านี้มาก ซึ่งผมคิดว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้เข้าใจดี”
แฟ้มภาพ: Maxym Marusenko/NurPhoto via Getty Images
อ้างอิง:
