ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ออกมาประกาศว่า ประเทศใดก็ตามที่พยายามแทรกแซงสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน จะต้องเจอกับมาตรการตอบโต้ชนิดรวดเร็วทันควัน
ปูตินกล่าวว่า “หากชาติใดพยายามเข้ามาแทรกแซงกรณียูเครน และเป็นภัยคุกคามต่อรัสเซีย เราก็พร้อมตอบโต้อย่างทันควัน
“เรามีเครื่องมือที่ไม่มีใครกล้าหือ และนี่ก็ไม่ใช่แค่คำขู่ แต่เราพร้อมใช้งานมันหากจำเป็น” ปูตินกล่าว โดยเครื่องมือที่ว่านั้นคือขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์
ทั้งนี้ผู้นำรัสเซียกล่าวว่า ขณะนี้รัสเซียได้กำหนดมาตรการตอบโต้ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม
คำขู่ของประธานาธิบดีปูตินมีขึ้นในขณะที่ชาติพันธมิตรตะวันตกได้เร่งจัดส่งอาวุธให้ยูเครนใช้ป้องกันประเทศ โดยสหรัฐฯ ได้ให้คำมั่นว่าจะช่วยเหลือยูเครนให้สามารถเอาชนะรัสเซียได้
สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน แหล่งข่าวจากชาติตะวันตกเปิดเผยว่า แนวการรบของรัสเซียไม่แข็งแกร่งเช่นเดิมแล้ว โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมารัสเซียได้ทุ่มสรรพกำลังเปิดฉากปฏิบัติการใหญ่เพื่อเข้ายึดภูมิภาคดอนบาส หลังจากที่ตัดสินใจถอนกำลังออกจากพื้นที่รอบกรุงเคียฟ แต่ถึงเช่นนั้นกองกำลังรัสเซียก็ต่อสู้กับการต่อต้านจากกองกำลังยูเครนอย่างยากลำบาก อีกทั้งยังเสียกำลังพลรบไปเป็นจำนวนมาก
ด้านเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission: EC) ออกมาโจมตีว่า รัสเซียพยายามแบล็กเมลชาติตะวันตกด้วยการระงับการส่งก๊าซไปยังโปแลนด์และบัลแกเรีย พร้อมระบุว่า การกระทำดังกล่าวแสดงออกชัดว่ารัสเซียเป็นซัพพลายเออร์ก๊าซที่ไร้ความน่าเชื่อถือโดยสิ้นเชิง
บริษัทพลังงาน Gazprom ได้ระงับการส่งพลังงานไปยังโปแลนด์และบัลแกเรีย หลังจากที่ทั้งสองประเทศปฏิเสธที่จะชำระเงินค่าก๊าซด้วยสกุลเงินรูเบิลตามคำร้องของปูติน ที่หวังจะใช้กลยุทธ์ดังกล่าวมาช่วยหนุนค่าเงินรัสเซียที่ร่วงลงอย่างหนักหลังโดนมาตรการคว่ำบาตรไปหลายระลอก
ด้านทำเนียบเครมลินโต้กลับว่า รัสเซียถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องทำเช่นนั้น โดยโบ้ยว่าเป็นเพราะชาติตะวันตกใช้นโยบายที่ไม่เป็นมิตรกับรัสเซียก่อนเอง
ทั้งนี้รัสเซียได้เปิดฉากบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และภายหลังจากนั้นปูตินได้สั่งการให้กองกำลังป้องปรามนิวเคลียร์เตรียมความพร้อมในระดับสูง ซึ่งถือเป็นการส่งคำขู่ว่าชาติพันธมิตรของยูเครนอย่าได้ย่างกรายเข้ามาร่วมในสมรภูมินี้
ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ให้คำมั่นว่าจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อทำให้ยูเครนชนะสงครามในครั้งนี้ ขณะที่ชาติตะวันตกได้ยกระดับความช่วยเหลือทางการทหารแก่ยูเครน โดยล่าสุดนั้นเยอรมนีประกาศส่งรถถัง 50 คันไปช่วยยูเครนทำสงครามแล้ว ซึ่งถือเป็นการพลิกโฉมนโยบายครั้งสำคัญ เพราะก่อนหน้านี้เยอรมนีพยายามรักษาท่าทีไม่ให้ผิดใจกับรัสเซียมาโดยตลอด
แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ของชาติตะวันตกรายงานว่า รัสเซียยังคงเดินหน้าสั่งสมกองกำลังในภูมิภาคดอนบาสและพื้นที่โดยรอบ แต่ถึงเช่นนั้นการพยายามเอาชนะการต่อต้านของกองกำลังยูเครนกลับไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่รัสเซียคาด และรัสเซียเองก็สูญเสียกำลังรบไปเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักยังเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่บั่นทอนปฏิบัติการของรัสเซีย ขณะที่ชาติตะวันตกมองว่ายุทธวิธีการรบของรัสเซียยังไม่ดีพอ อีกทั้งยังมีปัญหาในด้านการส่งกำลังบำรุงทางทหารอีกด้วย เพราะแม้แต่ในสถานการณ์ที่กองกำลังยูเครนถูกปิดล้อม แต่ฝ่ายรัสเซียยังใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานกว่าที่จะส่งกำลังเสริมเข้ามา หรือแม้แต่ในบางพื้นที่ของยูเครนที่กองกำลังรัสเซียสามารถยึดเอาไว้ได้ เราก็จะยังได้เห็นภาพของกองกำลังยูเครนที่ยังสามารถเปิดฉากการต่อสู้ได้อย่างแข็งขัน และบางครั้งก็ปฏิบัติการอย่างรวดเร็วจนสถานการณ์พลิกกลับกลายเป็นว่ารัสเซียเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเอง
ภาพ: Contributor / Getty Images
อ้างอิง: