ดูเหมือนว่าช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา Netflix จะรับบทหน่วยสืบสวนสอบสวน ปล่อยสารคดีและซีรีส์ที่เกี่ยวกับคดีฉ้อโกงออกมาให้เราได้ดูกันหลายเรื่องมาก ทำให้คดีความที่มีแนวโน้มจะเงียบลง (อาจกลายเป็นเปิดโอกาสให้คนโกงกลับไปหลอกคนอื่นได้อีกครั้ง) กลับมาถูกพูดถึงในวงกว้างอีกครั้ง ตั้งแต่เรื่องราวของ Simon Leviev ชายชาวอิสราเอลที่หลอกว่าเป็นทายาทตระกูลเพชรชื่อดัง เพื่อหลอกเงินของเหยื่อสาวที่เขาแมตช์ใน Tinder ถึงซีรีส์ Inventing Anna ที่สร้างจากคดีของ Anna Sorokin หญิงชาวรัสเซียที่ปลอมโปรไฟล์ของตัวเองเพื่อเข้าถึงวงสังคมในนิวยอร์ก และเกือบได้อนุมัติวงเงินกู้ราว 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (16 มีนาคม) Netflix ได้ปล่อยสารคดีที่ Investigate คดีความจริงออกมาอีกเรื่องอย่าง ‘Bad Vegan: Fame. Fraud. Fugitives’ หรือชื่อภาษาไทยว่า ‘ดัง ดับ ดิ้นหนี’ เปิดโปงเส้นทางที่น่าเศร้าในวงการอาหารของ Sarma Melngailis จากครั้งที่เคยได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งอาหารวีแกน จากการเปิดร้านอาหาร ‘Pure Food and Wine’ สู้หนี้สินล้นตัว และต้องหนีการจับกุม
สารคดีเรื่องนี้กำกับโดย Chris Smith ผู้กำกับชาวอเมริกัน ที่ก่อนหน้านี้เคยมีผลงานอย่าง American Movie (1999) สารคดีเจ้าของรางวัล The Grand Jury Prize สาขา Documentary จาก Sundance Film Festival ปี 1999 และ Fyre: The Greatest Party That Never Happened (2019) สารคดีที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Primetime Creative Arts Emmy Awards ถึง 4 รางวัล โดยในเรื่องนี้ Chris แบ่งพาร์ตของเรื่องออกเป็นทั้งหมด 4 ตอน เล่าผ่านบทสัมภาษณ์ของตัว Sarma เอง, อดีตพนักงานที่ร้าน, Jeffrey Chodorow ผู้ลงร้านอาหารในตอนแรก และ Allen Salkin นักข่าวจาก Vanity Fair ผู้เขียนข่าวเกี่ยวกับเธอหลังถูกจับในปี 2016
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- ‘Inventing Anna’ ซีรีส์จากเรื่องจริงของ Anna Delvey นักต้มตุ๋นที่ทำให้สังคมนิวยอร์กสั่นสะเทือน
- The Tinder Swindler สารคดีแฉนักต้มตุ๋น ที่ไม่ได้แค่หลอกให้รัก แต่หลอกเงินไปเหยียบล้านด้วย
เหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างปี 2004-2016 ในนิวยอร์ก เริ่มจาก Sarma Melngailis อดีตนักศึกษาเศรษฐศาสตร์ผู้มีแพสชันในการทำอาหาร ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางอาชีพ เข้าโรงเรียนเรียนทำอาหาร หลังจากนั้นเธอได้เจอกับเชฟชื่อดัง Matthew Kenney เป็นแฟนกัน และเริ่มต้นเส้นทางรุ่งโรจน์ด้วยกัน เปิดร้านอาหาร Pure Food and Wine ในปี 2004 ที่ไม่ใช่แค่เป็นวีแกน แต่โฟกัสที่ Raw Food ซึ่งเป็นเจ้าแรกๆ ในขณะนั้น
ในสารคดี อดีตพนักงานของเธออธิบายว่า Pure Food and Wine คือร้านอาหารที่ ‘มาก่อนกาล’ เพราะในปีนั้นยังไม่มีใครทำมากเท่ากับตอนนี้ นั่นทำให้เธอประสบความสำเร็จ กลายเป็น Queen of Vegan Cuisine กระทั่งร้านติดลิสต์ Top 100 Restaurants ของนิวยอร์กแมกกาซีนถึงสองครั้ง
หลังจากนั้นเธอเลิกกับเชฟ Matthew ทำให้ Jeffrey ขายร้าน (ที่ตอนนั้นกำลังติดลบ) ให้กับเธอเป็นเจ้าของเองโดยสมบูรณ์ ตอนนี้เหมือนชีวิตของ Sarma เข้าสู่บทใหม่อีกครั้งในการทำร้านอาหาร และพบรักใหม่กับ Shane Fox เธออินเลิฟมากจนพนักงานที่ร้านยังแปลกใจ กระทั่งเจอความจริงว่า Shane Fox มีชื่อจริงว่า Anthony Strangis และเคยมีประวัติอาชกรรมมาก่อน
แม้รู้ความจริง เธอกลับคิดว่าเขาอาจจะต้องการเปลี่ยนชื่อเพื่อเริ่มต้นใหม่ เพราะในตอนนี้เขาดูรวย ไม่มีปัญหาเรื่องเงินอะไร และในที่สุดเขาเริ่มให้เธอโอนเงินให้ด้วยเหตุผลต่างๆ ที่ดูจำเป็น แต่สุดท้ายก็เป็นเรื่อง ร้านอาหารไม่ใช่แค่เพียงติดลบ แต่เธอไม่มีเงินจ่ายพนักงานของเธอครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม 2014 และครั้งที่สองในเดือนเดียวกันปี 2015 พนักงานต่างประท้วง จนเธอต้องตัดสินใจปิดร้านอาหาร และกลายเป็นผู้หนีหนี้ในที่สุด
ปี 2016 ทั้งคู่ถูกจับในรัฐเทนเนสซี จากการเจอประวัติใช้บัตรเครดิตของ Anthony สั่งพิซซ่าจาก Domino ซึ่งกลายเป็นความจริงที่ตลกร้ายสำหรับราชินีวีแกนไม่น้อย แม้ว่าพิซซ่าถาดนั้นจะเป็นของ Anthony ก็ตาม
สารคดีเรื่องนี้เปิดมาด้วยไฟล์เสียงที่ Anthony ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับทีมงาน เราจึงได้ฟังเรื่องจาก Sarma และบุคคลเกี่ยวข้องอื่นๆ ซึ่งอย่างไรก็ตามที่เราเล่าให้ฟังข้างต้นเป็น Fact ในหน้าข่าว ส่วนรายละเอียดต่างๆ ของคดีนั้นมีเรื่องให้ชวนตั้งคำถามอีกมากที่เราอยากให้คุณดูด้วยตัวเอง
หากใครติดตามสารคดีแนวสืบสวนสอบสวน ติดตามชมกันได้เลย ส่วนใครดูจบแล้วคิดเห็นอย่างไร แชร์ความเห็นกับเราได้เช่นกัน
ภาพ: Netflix และ Pure Food and Wine
อ้างอิง:
