ปัญหาปากท้องทั่วโลกเริ่มตามมาติดๆ เมื่อประเทศยูเครน ผู้ผลิตและผู้ส่งออกน้ำมันดอกทานตะวันรายใหญ่ของโลกกำลังเผชิญสงครามจากประเทศรัสเซียจนไม่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ส่งออกนี้ได้ชั่วคราว
‘ดอกทานตะวัน’ เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศยูเครน และเป็นวัตถุดิบหลักที่สำคัญในการผลิตผลิตภัณฑ์ส่งออกของประเทศอย่าง ‘น้ำมันดอกทานตะวัน’ ซึ่งโดยปกติแล้วรัสเซียและยูเครนเป็นสองประเทศที่ผลิตน้ำมันดอกทานตะวันคิดเป็น 60% ของทั้งโลก และส่งออกขายต่างประเทศถึง 75% จากตัวเลขจะเห็นได้ชัดว่าพวกเขาคือผู้ส่งออกหลักที่สำคัญ ซึ่งด้วยสถานการณ์ที่คับขันในตอนนี้ ส่งผลให้หลายประเทศเกิดขาดแคลนสต๊อกน้ำมันดอกทานตะวัน และได้เริ่มจำกัดโควตาการซื้อของลูกค้าแต่ละรายในซูเปอร์มาร์เก็ตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยซูเปอร์มาร์เก็ต 2 แห่งในประเทศสเปนอย่าง Mercadona และซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือ Consum ก็ได้จำกัดโควตาในการซื้อน้ำมันดอกทานตะวันเหล่านี้ให้กับลูกค้าได้เพียงแค่รายละ 5 ลิตร และ 1 ลิตรต่อวันตามลำดับ นอกจากนี้ปัญหาการขาดแคลนสต๊อกน้ำมันดอกทานตะวันก็ยังส่งผลกระทบต่อศูนย์จำหน่ายสินค้าและค้าส่งระดับโลกอย่าง ‘Makro’ ที่ก็ต้องออกมากำหนดโควตาการซื้อน้ำมันดอกทานตะวันของเหล่าสมาชิกที่จะสามารถซื้อได้แค่เพียงวันละหนึ่งขวดอีกด้วย
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ประเทศสเปนที่เดือดร้อนเท่านั้น แต่ประเทศอินเดีย รวมไปถึงบางประเทศในสภาพยุโรป (EU) เองก็ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ โดยตามข้อมูลของกลุ่มการค้า Fediol พบว่า สหภาพยุโรปได้ซื้อน้ำมันดอกทานตะวันจากประเทศยูเครนในปริมาณ 200,000 ตันต่อเดือน หรือประมาณ 35-45% ของอุปทานทั้งหมด และก็ดูเหมือนว่าสต๊อกน้ำมันในท้องถิ่น ณ ตอนนี้ อาจหมดภายใน 4-6 สัปดาห์ข้างหน้าจากสถานการณ์สงครามนั่นเอง
หากสงครามระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครนยังคงดำเนินต่อไปแบบไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดเช่นนี้ นอกจากราคาน้ำมันรถที่พุ่งสูงขึ้นแล้ว ราคาน้ำมันดอกทานตะวันในตลาดเองก็อาจจะพุ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน และถึงแม้ว่าผู้ค้ารายใหญ่พยายามที่จะหาน้ำมันดอกตะวันที่ส่งออกจากประเทศอื่นๆ มาแทนในชั้นวางสินค้าของซูเปอร์มาร์เก็ต อย่างน้ำมันดอกทานตะวันจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีการส่งออกน้อยกว่าหนึ่งในสี่ของประเทศยูเครน หรือเพียงแค่ 20% นั้น ก็ถือได้ว่าไม่เพียงพอต่อความต้องการในท้องตลาดอยู่ดี
ภาพ: Shutterstock
อ้างอิง: