ความเคลื่อนไหวสถานการณ์ล่าสุดในวิกฤตการณ์ยูเครน ปรากฏว่ามีแถลงการณ์จากทางการเบลารุสวันนี้ (20 กุมภาพันธ์) ระบุว่า การซ้อมรบร่วมกับกองกำลังรัสเซีย ซึ่งจะสิ้นสุดในวันนี้จะยังคงดำเนินต่อไป ส่งผลให้รัสเซียมีกองกำลังขนาดใหญ่ใกล้ชายแดนยูเครนตอนเหนือ
“ประธานาธิบดีเบลารุสและรัสเซียตัดสินใจดำเนินการตรวจสอบความพร้อมของกองกำลังรัฐสหภาพ (Union State) ต่อไป” รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเบลารุสกล่าวในแถลงการณ์ โดยระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวเกิดจากกิจกรรมทางทหารที่เพิ่มขึ้นในพรมแดนร่วมกันและ ‘การยกระดับความตึงเครียด’ ในยูเครนตะวันออก โดยแต่เดิมนั้นรัสเซียระบุว่า กองกำลังรัสเซียที่อยู่ในเบลารุสกว่า 30,000 นายนั้นกำลังทำการซ้อมรบร่วมกับพันธมิตร ซึ่งมีกำหนดเสร็จสิ้นในวันนี้
อีกด้านหนึ่งกับการระบุคำเตือนถึงสถานการณ์ล่าสุด นอกจากจะมาจาก เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ที่บอกว่า “ทุกสัญญาณบ่งชี้ว่ารัสเซียกำลังวางแผนโจมตียูเครนอย่างเต็มกำลัง” แล้ว ยังมีมาจากฝั่งสหราชอาณาจักร ซึ่งก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของ NATO ด้วย โดย บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรกล่าวว่า รัสเซียกำลังเตรียมผลักดันยุโรปเข้าสู่ความขัดแย้งครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเตือนว่าการบุกใดๆ สู่ยูเครนจะทำให้รัสเซียต้องหยุดการรวมอยู่ในระบบการเงินของโลก
“สัญญาณทั้งหมดคือแผนได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในบางแง่มุม” จอห์นสันกล่าวในการสัมภาษณ์ของสถานีโทรทัศน์ BBC ที่ออกอากาศในวันนี้ หลังจากที่มีทหารยูเครนถูกสังหารในการโจมตีรอบพื้นที่ที่ถูกยึดครองโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดน จอห์นสันยังระบุด้วยว่าในแผนการบุกของรัสเซีย จะได้เห็นกำลังทหารไม่เพียงเข้าสู่ยูเครนจากพื้นที่ที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนยึดครองทางตะวันออกเท่านั้น แต่ยังมาจากเบลารุสมายังตอนเหนือของยูเครน และล้อมรอบเมืองหลวงอย่างเคียฟ โดยอ้างอิงหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ที่ส่งข้อมูลไปยังผู้นำชาติตะวันตกโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน
“ผมกลัวที่จะพูดว่าแผนที่เราเห็นอยู่นั้น คือแผนสำหรับบางสิ่งที่อาจจะเป็นสงครามครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่ปี 1945 ในแง่ของขนาด” จอห์นสันระบุ และบอกว่าผู้คนจำเป็นต้องไม่พิจารณาเพียงชีวิตของชาวยูเครนที่อาจสูญเสีย แต่ยังรวมถึงคนหนุ่มสาวชาวรัสเซียด้วย
อย่างไรก็ดี ต้องย้ำว่าแม้จะมีท่าทีเหล่านี้จากชาติตะวันตก แต่ก็มีบางฝ่ายที่ก่อนหน้านี้ออกมาแสดงท่าทีที่แตกต่าง เช่น อันนาเลนา แบร์บ็อก รัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมนี ที่ออกมาเตือนเมื่อวันเสาร์ต่อการพยายามคาดเดาหรือสันนิษฐานการตัดสินใจของรัสเซียต่อยูเครน และระบุว่า “เรายังไม่ทราบว่ามีการตัดสินใจโจมตีแล้วหรือยัง” แต่ก็ระบุว่า “ภัยคุกคามต่อยูเครนนั้นมีอยู่จริง” เช่นเดียวกับ โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำของยูเครน ก็ระบุในทางปฏิเสธการคาดการณ์ของสหรัฐฯ โดยเขาระบุในการประชุมความมั่นคงระดับนานาชาติที่เมืองมิวนิกของเยอรมนีว่า “เราไม่คิดว่าเราจะต้องตื่นตระหนก” และเขาเชื่อหน่วยข่าวกรองของยูเครน
ขณะที่ความพยายามทางการทูตกำลังเกิดขึ้นในวันนี้ โดยมีรายงานเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. ที่ผ่านมาว่า เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์เกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครนเป็นเวลา 105 นาที สำนักงานของมาครงระบุว่า นี่ถือเป็น “เป็นความพยายามครั้งสุดท้ายที่เป็นไปได้ และจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งครั้งใหญ่ในยูเครน” นอกจากนี้ ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า หลังพูดคุยกับปูตินเสร็จ มาครงได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำของยูเครนต่อ
ซึ่งสำหรับเซเลนสกี ที่แม้จะบอกกับมาครงไว้เมื่อวานนี้ (19 กุมภาพันธ์) ว่าเขาจะไม่ตอบสนองต่อการยั่วยุของรัสเซีย แต่ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อการประชุมนานาชาติด้านความมั่นคงที่เมืองมิวนิกของเยอรมนี เขาก็ประณาม ‘นโยบายผ่อนปรน’ ที่มีต่อรัสเซีย และเรียกร้องให้มี ‘กรอบเวลาที่ชัดเจนและเป็นไปได้’ สำหรับยูเครนในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO ซึ่งเป็นสิ่งที่รัสเซียกล่าวว่าจะไม่มีวันยอมรับ
ขณะที่องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) ระบุว่าสถานการณ์แนวหน้าระหว่างทหารยูเครนและฝ่ายกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครนนั้น มีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในพื้นที่โดเนตสก์และลูฮันสก์มากถึง 1,500 ครั้งในวันศุกร์ (18 กุมภาพันธ์) เพียงวันเดียว และผู้สื่อข่าวของสำนักข่าว AFP ในพื้นที่ได้ยินการใช้กระสุนปืนอย่างหนักระหว่างเวลานั้นจนถึงขณะนี้
ภาพ: Gonzalo Fuentes, Mikhail Klimentyev / Pool / Sputnik / AFP
อ้างอิง:
- AFP