วานนี้ (3 กุมภาพันธ์) แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล โพสต์บทความผ่านเว็บไซต์ ‘Amnesty International Thailand’ โดยมีสาระสำคัญที่ต้องการเรียกร้องประชาคมโลกให้ใช้โอลิมปิกฤดูหนาวและพาราลิมปิกเป็นโอกาสในการกดดันให้มีการปรับปรุงสิทธิมนุษยชนในประเทศจีน ซึ่งมหกรรมกีฬานี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-20 กุมภาพันธ์นี้ ณ กรุงปักกิ่งของจีน
เมืองหลวงของจีนจะได้ต้อนรับทัพนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และนักการทูตจากทั่วโลก ในการแข่งขันที่จะเริ่มขึ้นวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ แต่มหกรรมกีฬานี้จะเกิดขึ้นท่ามกลางการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่องหลายประการในประเทศจีน
โดย อัลคัน อาคาด นักวิจัยเกี่ยวกับประเทศจีนของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “แม้มีความคาดหวังว่าการแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่งจะเป็นมหกรรมกีฬาในความทรงจำ แต่คนที่เฝ้ารอดูไม่ควรเพิกเฉยต่อปัญหาซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ ของจีน นักกฎหมายและนักกิจกรรมต้องถูกจำคุกเพียงเพราะทำงานของตนอย่างสงบ เหยื่อผู้ถูกละเมิดทางเพศต้องเผชิญกับบทลงโทษเพียงเพราะกล้าออกมาเปิดโปง มีการคาดการณ์ว่าในแต่ละปีมีผู้ถูกประหารชีวิตหลายพันคน กลุ่มชาติพันธุ์มุสลิมจำนวนมากต้องเผชิญกับการถูกกักขัง ถูกทรมาน และประหัตประหารอย่างเป็นระบบในค่ายกักกัน
“การแข่งขันครั้งนี้ไม่ควรถูกใช้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากสถิติด้านสิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายลงของจีน ในทางตรงกันข้าม ควรถูกใช้เป็นโอกาสเพื่อกดดันให้จีนแก้ปัญหาเหล่านี้” อาคาดกล่าว
IOC ควรประกันให้มีการทำตามสัญญา
รัฐบาลจีนให้หลักประกันหลายประการเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ก่อนที่จะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาว รวมทั้งการเคารพเสรีภาพสื่อ สิทธิด้านแรงงาน ‘การพลัดถิ่นฐาน’ และประกันโอกาสอย่างแท้จริงที่จะให้มีการเดินขบวนโดยสงบระหว่างการแข่งขันครั้งนี้
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ดำเนินการอย่างเต็มที่ และให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการปฏิบัติเพื่อตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนต่อสาธารณะ ก่อนและระหว่างการแข่งขันครั้งนี้
“สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกถูกละเมิดอย่างเป็นระบบในประเทศจีน จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ IOC และคณะกรรมการโอลิมปิกของชาติต่างๆ ในการแข่งขันครั้งนี้ต้องเคารพความต้องการของนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ด้านกีฬาที่ต้องการพูดถึงปัญหาสิทธิมนุษยชน รวมทั้งประเด็นที่ถูกมองว่า ‘ละเอียดอ่อน’ สำหรับทางการจีน
“IOC ยังต้องยืนยันว่า รัฐบาลจีนปฏิบัติตามคำสัญญาที่จะประกันให้เกิดเสรีภาพของสื่อมวลชน ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ถูกปิดกั้นทั้งสำหรับนักข่าวชาวจีนและนักข่าวต่างประเทศ และให้การประกันว่าผู้ที่ต้องการชุมนุมประท้วงโดยสงบในระหว่างการแข่งขันครั้งนี้จะสามารถกระทำการเช่นนั้นได้” อาคาดกล่าว
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องให้ตัวแทนรัฐบาลประเทศต่างๆ รวมทั้งผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นสิทธิมนุษยชน และจัดให้สิทธิมนุษยชนเป็นวาระสำคัญสุดในการหารือกับทางการจีน
อาคาดยังได้กล่าวเสริมว่า “โลกต้องเรียนรู้จากบทเรียนของโอลิมปิกเมื่อปี 2008 ซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงปักกิ่งเช่นเดียวกัน ตอนนั้นรัฐบาลจีนได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะปรับปรุงสิทธิมนุษยชน แต่การปรับปรุงดังกล่าวกลับไม่เคยเกิดขึ้นจริงอย่างที่เคยสัญญาไว้”
“โอลิมปิกฤดูหนาวซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงปักกิ่งในปีนี้ จะต้องไม่กลายเป็นเพียงโอกาสของการใช้กีฬาในการฟอกตนเองของทางการจีน และประชาคมโลกต้องไม่ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมเพื่อโฆษณาชวนเชื่อในครั้งนี้ด้วย”
นักกิจกรรมถูกควบคุมตัวในจีน
ก่อนการแข่งขันครั้งนี้จะเริ่มขึ้น แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้เปิดตัวการรณรงค์ ‘ปล่อยตัวบุคคลทั้งห้า’ (‘Free the Five’) เพื่อเน้นให้เห็นชะตากรรมของนักกิจกรรมชาวจีนทั้งห้าคน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบุคคลจำนวนมากที่ถูกควบคุมตัวเพียงเพราะการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออก ได้แก่ จางจ่าน นักข่าวพลเมือง, อิลฮัม โทห์ทิ ศาสตราจารย์ชาวอุยกูร์, หลี่เชี่ยวฉู่ นักกิจกรรมด้านสิทธิแรงงาน, กาวจื้อเซิ่ง ทนายความสิทธิมนุษยชน และ รินเชน จูลทริม บล็อกเกอร์ชาวทิเบต
“การคุมขังโดยไม่เป็นธรรมต่อนักกิจกรรมทั้งห้าคน สะท้อนให้เห็นถึงการไม่ยอมรับความเห็นต่างของรัฐบาลจีน อีกทั้งยังสะท้อนความพยายามที่จะลงโทษผู้เห็นต่างอย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“ถ้ารัฐบาลจีนต้องการใช้โอลิมปิกเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างภาพสักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ ทางการจีนก็ควรเริ่มจากการปล่อยตัวผู้ที่ถูกดำเนินคดีหรือถูกควบคุมตัวเพียงเพราะการใช้สิทธิมนุษยชนของตน” อาคาดกล่าว
นักกีฬาต้องได้รับอนุญาตให้แสดงความคิดเห็นอย่างเสรี
ในโครงการ ‘กีฬาปลอดภัย’ IOC สัญญาว่าจะสนับสนุนสิทธิของนักกีฬาและปกป้องพวกเขาจากการถูกคุกคามและการปฏิบัติที่มิชอบ ‘ทั้งในและนอกสนาม’ อย่างไรก็ดี มาตรการควบคุมโรคโควิดอย่างเข้มงวดในรูปของการควบคุมโรคในพื้นที่เฉพาะ (Bubble) ของมหกรรมกีฬา ณ กรุงปักกิ่ง ปี 2022 นี้ เป็นการจำกัดเสรีภาพในการเดินทางของนักกีฬาอย่างรุนแรง ทำให้เกิดปัญหามากขึ้นต่อการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบอย่างเสรี
เมื่อปลายปีที่แล้ว เผิงไซว่ นักเทนนิสที่ได้ร่วมแข่งขันในโอลิมปิกถึง 3 ครั้ง ได้ออกมากล่าวหาว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยระบุว่าผู้กระทำเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีของจีน เธอได้ประกาศเรื่องนี้ผ่านการโพสต์ในโซเชียลมีเดีย ซึ่งถูกเซ็นเซอร์อย่างรวดเร็วในจีน ต่อมามีการลบข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเธอออกจากอินเทอร์เน็ต และเธอได้หายตัวไปจากพื้นที่สาธารณะโดยสิ้นเชิง เพื่อนนักเทนนิสและสมาคมเทนนิสหญิงได้แสดงความหวาดกลัวต่อชะตากรรมของเผิง เกือบ 3 สัปดาห์หลังมีการเซ็นเซอร์ข้อความของเธอ IOC ได้จัดให้มีการพูดคุยกับเผิงผ่านวิดีโอคอล เพื่อผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับสวัสดิภาพและชะตากรรมของเธอ
“IOC ยอมรับการรับรองสวัสดิภาพของเผิงไซว่ โดยไม่มีการสืบหาพยานหลักฐานเลยว่า เธอได้ถูกจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพในการเดินทาง และสิทธิความเป็นส่วนตัวหรือไม่ ทำให้เกิดความเสี่ยงว่าเป็นการฟอกขาวให้กับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นกับเผิงไซว่”
หลังถูกวิจารณ์อย่างหนักในเดือนธันวาคม IOC ยอมรับว่า “เราไม่สามารถให้การรับรองและไม่ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด” พวกเขายืนยันว่า “กำลังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับฝ่ายจีนเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ ในทุกแง่มุมต่อกรณีนี้” และกระบวนการนี้จะเกิดขึ้นต่อไปภายหลังมหกรรมกีฬานี้
“ท่ามกลางข้อจำกัดอย่างเข้มงวดในมหกรรมกีฬาที่จะจัดขึ้น ณ กรุงปักกิ่งในครั้งนี้ ทาง IOC ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อจะที่จะรักษาคำมั่นสัญญาที่จะปกป้องสิทธิในการแสดงความเห็นของนักกีฬา และเหนือสิ่งอื่นใดต้องให้การประกันว่าจะไม่ร่วมมือในการละเมิดสิทธิใดๆ ของนักกีฬา” อาคาดกล่าวทิ้งท้าย