เด็กในยุโรปและสหรัฐฯ ติดโควิดเพิ่มสูงขึ้น จำนวนไม่น้อยประสบภาวะ Long COVID

วานนี้ (11 มกราคม) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เด็กในประเทศแถบยุโรปและอเมริกาติดโควิดเพิ่มสูงขึ้นตลอดปลายเดือนที่ผ่านมา จำนวนไม่น้อยประสบกับภาวะ Long COVID หรือมีอาการเรื้อรังหลังติดเชื้อ

แม้ว่าสถานศึกษาอย่างโรงเรียนจะสามารถเป็นพื้นที่ของการแพร่ระบาดได้ แต่การศึกษาในสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย สหรัฐฯ และอิตาลี สะท้อนให้เห็นว่า การแพร่กระจายเชื้อในหมู่เด็กนักเรียนในโรงเรียนที่มีระบบการจัดการดี ดำเนินมาตรการรับมือโควิด อาทิ การสวมหน้ากากอนามัย มีแนวโน้มที่ระดับการติดเชื้อจะน้อยกว่าระดับการแพร่ระบาดในพื้นที่อื่นของสังคม แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยังคงเฝ้าจับตามองและทำความเข้าใจเชื้อโอมิครอนที่อาจจะทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาด โดยเฉพาะในพื้นที่ของสถานศึกษา เลวร้ายลงได้

และถึงแม้ว่าเด็กจะมีแนวโน้มที่อาจมีอาการรุนแรงภายหลังจากที่ติดโควิดน้อยกว่าผู้ที่มีอายุในช่วงวัยผู้ใหญ่ แต่เด็กก็ยังสามารถที่จะติดเชื้อ ป่วย รวมถึงอาจเสียชีวิตหรือได้รับผลกระทบจากภาวะ Long COVID ได้ โดยผลการศึกษาของ UCL Great Ormond Street Hospital ในกรุงลอนดอน พบว่า มากกว่า 1 ใน 7 ของเด็กและวัยรุ่นอาจประสบกับภาวะเรื้อรังยาวนานถึง 15 สัปดาห์ภายหลังการติดโควิด อีกทั้งสำนักงานสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (ONS) ยังเปิดเผยอีกว่า เด็กราว 117,000 รายในสหราชอาณาจักรขณะนี้ประสบกับภาวะ Long COVID ที่แม้จะรักษาหายแล้ว แต่ยังรู้สึกเหมือนว่ายังไม่หายดี ร่างกายไม่แข็งแรงเท่าเดิม

ขณะที่ทางการสหรัฐฯ เองก็เร่งเดินหน้าฉีดวัคซีนโควิดในเด็กแล้ว โดย ดร.โรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ เผยว่า ขณะนี้เด็กอายุ 5-11 ปีราว 17% ในสหรัฐฯ เข้ารับวัคซีนโควิดครบโดสแล้ว ขณะที่เด็กส่วนใหญ่ที่จำเป็นต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากติดโควิดนั้น ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่ยังไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีน

บทความที่เกี่ยวข้อง:

ภาพ: Luka Dakskobler / SOPA Images / LightRocket via Getty Images

อ้างอิง: