โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ มองจีนและรัสเซียในฐานะภัยคุกคามหลักต่ออำนาจและเศรษฐกิจประเทศ
ภายในการปราศรัยที่อาคารโรนัลด์ เรแกน ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวโจมตีการดำเนินงานของรัฐบาลยุคก่อนๆ ว่า มีความล้มเหลวในการดำเนินนโยบายระหว่างประเทศ และสร้างผลกระทบต่อความมั่นคงสหรัฐฯ
เอกสารยุทธศาสตร์ความยาว 68 หน้า ระบุชัดเจนว่า ‘อเมริกามาก่อน’ ไม่ใช่เพียงนโยบายหาเสียง แต่ถือเป็นแนวทางสำคัญในการออกแบบนโยบายระหว่างประเทศและยุทธศาสตร์ในการสร้างดุลการค้าต่อประเทศอื่นๆ ในรัฐบาลยุคปัจจุบัน
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้กล่าวถึงการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ พร้อมยกย่องความสำเร็จในการบริหารประเทศจากการถอนตัวออกจากความตกลงปารีสและข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกด้วย
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์พยายามหลีกเลี่ยงการลงลึกถึงประเด็นต่างๆ ในเอกสาร ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวโยงต่ออิทธิพลของรัสเซียในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาด้วย
เสาความมั่นคงใหม่
ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ภายใต้ธงอเมริกามาก่อนมีเสาหลัก 4 ประการ ได้แก่ การปกป้องมาตุภูมิ การปกป้องผลประโยชน์ของอเมริกา การรักษาสันติภาพด้วยความเข้มแข็ง และการเสริมสร้างอิทธิพลของอเมริกา
ประธานาธิบดีทรัมป์มองจีนและรัสเซียในฐานะคู่แข่งทางอำนาจที่พยายามท้าทายอิทธิพล คุณค่า และความรุ่งเรืองของประเทศ
“เราจะพยายามสานสัมพันธ์อันยิ่งใหญ่ต่อพวกเขาและประเทศอื่นๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ปกป้องผลประโยชน์ของชาติด้วย” ทรัมป์กล่าว
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ได้เล่าถึงการคุยโทรศัพท์สายตรงกับวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยผู้นำรัสเซียได้ขอบคุณความช่วยเหลือจากหน่วยสืบราชการลับสหรัฐฯ ที่แจ้งเตือนภัยก่อการร้ายในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่อาจพรากชีวิตคนหลายพันได้หากไม่มีปฏิบัติการยับยั้ง
เอกสารระบุว่า นอกเหนือจากความท้าทายที่สหรัฐฯ ต้องเผชิญจากการชิงตำแหน่งมหาอำนาจของโลกจาก 2 ประเทศที่กล่าวถึง รัฐบาลทรัมป์ยังมองถึงภัยคุกคามจากรัฐอย่างเกาหลีเหนือและอิหร่านที่ครอบครองอาวุธทำลายล้าง และภัยจากกลุ่มก่อการร้ายด้วย
รัฐอันธพาลและก่อการร้าย
ประเด็นสำคัญที่จัดอยู่ในการเฝ้าระวังของรัฐบาลอเมริกายังคงหนีไม่พ้นความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี โดยแผนฉบับนี้ได้จัดให้เกาหลีเหนือขึ้นแท่นอันดับ 1 ในฐานะรัฐอันธพาล ซึ่งอิหร่านก็อยู่ในรายชื่อเช่นกัน
สหรัฐอเมริกาได้ประณามการทดสอบขีปนาวุธอย่างต่อเนื่องของโสมแดง และวิจารณ์ปากีสถานที่ไม่สามารถจัดการกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้
ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของทรัมป์ยังมุ่งเน้นการรับมือการก่อการร้ายผ่านการคงปฏิบัติการทางทหารต่อต้านภัยคุกคามดังกล่าวเอาไว้ รวมถึงปฏิบัติการยับยั้งการเปลี่ยนให้บุคคลภายในประเทศกลายเป็นกลุ่มสุดโต่งด้วย
นอกเหนือจากมุมมองต่อภัยจากประเทศอื่นๆ และขบวนการก่อการร้ายแล้ว แผนรับมือนี้ได้ให้ความสำคัญต่อภัยคุกคามโลกไซเบอร์และประเด็นผู้ลี้ภัย ซึ่งทรัมป์ได้กล่าวถึงแผนสร้างกำแพงบริเวณชายแดนเม็กซิโกดังที่เคยลั่นวาจาไว้สมัยหาเสียง
ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันรายนี้ให้คำมั่นว่า แผนกำแพงป้องกันผู้อพยพผิดกฎหมาย อัตราว่างงานที่ต่ำลง และการตัดภาษี จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้
โลกร้อนไม่ใช่ประเด็น
จากยุทธศาสตร์ที่มีการเผยแพร่ขึ้นมานี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ชี้ว่า นโยบายเหล่านี้ไม่ได้มีการกล่าวถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแต่อย่างใด
เอกสารชิ้นนี้ได้อ้างอิงถึง ‘ความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม’ เพียงเพื่อกล่าวถึงการมุ่งเน้นต่อ ‘มหาอำนาจทางพลังงาน’ ที่รวมถึงการเข้าถึงทรัพยากรเชื้อเพลิงในประเทศอย่างพลังงานฟอสซิลด้วย
การเปลี่ยนแปลงท่าทีอย่างสุดขั้วจากรัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบามา ถูกมองในฐานะความเสี่ยงที่จะกระทบต่อสหรัฐฯ และการสร้างความตกลงในเวทีระหว่างประเทศต่อประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคต
Photo: AFP
อ้างอิง:
- edition.cnn.com/2017/12/18/politics/5-things-to-know-about-trumps-national-security-strategy
- www.bbc.com/news/world-us-canada-42401170
- www.theguardian.com/us-news/2017/dec/18/trump-drop-climate-change-national-security-strategy
- www.nytimes.com/2017/12/18/us/politics/trump-security-strategy-china-russia.html
- www.businessinsider.com/trump-national-security-policy-speech-2017-12