สถานีโทรทัศน์ CNN ของสหรัฐฯ รายงานอ้างเอกสารของทางการจีนซึ่งเผยแพร่ผ่านสื่อท้องถิ่นที่ระบุว่า จีนมีแผนปรับลดการพึ่งพาพลังงานน้ำมันของประเทศให้อยู่ต่ำกว่า 20% ภายในปี 2060 โดยจะเป็นการดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป
ทั้งนี้ ภายใต้แผนการฉบับใหม่ จีนกล่าวว่า ภายในปี 2030 สัดส่วนของพลังงานที่ใช้มาจากแหล่งเชื้อเพลิงที่ไม่ใช่น้ำมันจะสูงถึง 25% จากนั้นอีก 30 ปีถัดไป จีนตั้งเป้าที่จะใช้พลังงาน 80% ของพลังงานทั้งหมดมาจากเชื้อเพลิงที่ไม่ใช่น้ำมัน
ขณะเดียวกันแผนการลดการพึ่งพาน้ำมันจะช่วยให้จีนสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 65% เมื่อเทียบกับระดับเดิมที่ตั้งขึ้นในปี 2005
ด้านสำนักข่าว Xinhua รายงานว่า จีนถือเป็นผู้นำระดับโลกที่เริ่มผลิตและใช้พลังงานหมุนเวียนแล้ว แต่จะต้องเพิ่มกำลังการผลิตในด้านพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านสภาพอากาศภายในปี 2030 โดยจีนตั้งเป้าให้มีกำลังการผลิตพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งรวมมากกว่า 1,200 กิกะวัตต์
ขณะเดียวกัน ทางสถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า ภาคเอกชนจีนในเวลานี้ต่างเดินหน้าเต็มกำลังในการพัฒนาชิปคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของตนเองขึ้น
ทั้งนี้ ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำสัญชาติจีนต่างๆ เร่งเปิดตัวและอวดโฉมชิปที่พัฒนาขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Baidu, Alibaba และ Oppo
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า แม้จะพยายามหันมาพึ่งพาตนเองอย่างเต็มที่ แต่จีนในขณะนี้ยังจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือทางด้านเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เพื่อให้ชิปที่พัฒนาขึ้นมีความก้าวหน้าทัดเทียมกับชาติตะวันตกและบางประเทศในภูมิภาคเอเชียด้วยกันเอง เพราะแม้จะเป็นการพัฒนาชิปภายในจีน แต่เทคโนโลยีหลักๆ อุปกรณ์ วัตถุดิบ และโรงงานผลิตส่วนใหญ่ล้วนอยู่ภายใต้สิทธิบัตรและความคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญาในตลาดต่างประเทศเป็นหลัก
อ้างอิง:
- https://edition.cnn.com/2021/10/25/economy/china-fossil-fuels-climate-intl-hnk/index.html
- https://www.cnbc.com/2021/10/25/china-pushes-to-design-its-own-chips-but-still-relies-on-foreign-tech.html
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP