Bloomberg รายงานรวบรวมความเห็นจากสถาบันการเงินการธนาคารชั้นนำของโลกที่มีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปีนี้ว่ามีแนวโน้มชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ เนื่องจากมีปัจจัยลบรุมเร้ารอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ วิกฤตการแคลนพลังงาน และความเสี่ยงของการระบาดของไวรัสโควิดระลอกใหม่ ซึ่งอาจทำให้ต้องมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่อีกครั้ง รวมถึงทำให้จีนยังไม่อาจผ่อนคลายมาตรการเดินทางข้ามจังหวัดหรือมณฑลได้ในช่วงเทศกาลคึกคักส่งท้ายปี
ทั้งนี้ Bank of America Corp. และ Citigroup Inc. ประเมินว่า เศรษฐกิจจีนปีนี้จะชะลอตัวลงเหลือ 8.2% พร้อมเตือนว่า การเติบโตของจีนในปีหน้าจะหดตัวเหลือต่ำกว่า 5% ซึ่งถ้าไม่นับการเติบโตของปี 2020 ที่จีนต้องเจอการระบาดของโควิดอย่างรุนแรง การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีหน้าอาจจะอ่อนแรงที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษ
นักกลยุทธ์ของ Bank of America ประเมินว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนยังมีแนวโน้มออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปรับโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจขนานใหญ่ เหมือนเมื่อครั้งที่อดีตผู้นำประเทศอย่างประธานาธิบดีเติ้งเสี่ยวผิง ประกาศเดินหน้าปรับปรุงจีนไปสู่โลกสมัยใหม่ในช่วงปี 1970 และอดีตประธานาธิบดีจูหรงจี ลุยปรับปรุงรัฐวิสาหกิจและการเงินในปี 1990
ทั้งนี้หากประธานาธิบดีสีจิ้นผิงยังยืนกรานปรับโครงสร้างขนานใหญ่ โดยมุ่งจำกัดการขยายตัวของหนี้ เพื่อลดความเสี่ยงทางการเงิน ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และจัดสรรช่องทางการเงินสนับสนุนด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจจีนก็มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนหน้าเกิดไวรัสโควิดระบาด การเติบโตของจีนก็ช้าเกินกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว อันเป็นผลจากการที่รัฐบาลจีนดำเนินนโยบายแก้ไขเพื่อลดความเสี่ยงด้านหนี้สิน ซึ่งหมายความว่าจีนเลี่ยงที่จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงกว้าง ทั้งยังหันมาควบคุมระดับหนี้ควบคู่ไปด้วย จนกลายเป็นชนวนให้เกิดวิกฤต Evergrande ตามมา
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าจีนมีมาตรการและวิธีการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพียงแต่การชะลอตัวของจีน ยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจโลกกลับไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวม ก่อนสรุปว่านับจากนี้จีนมีแนวโน้มขยับเป้าการเติบโตไว้ที่เฉลี่ยปีละประมาณ 5.5-6%
ในส่วนของการเติบโตของจีนในปีนี้และปีหน้า ปัญหาวิกฤตขาดแคลนพลังงานที่เพิ่มเข้ามา อาจทำให้การเติบโตของจีนต่ำปีนี้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 8% ในปีนี้ และต่ำกว่า 6% ในปีหน้า
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP