ในตรอกเล็กๆ ริมถนนดินสอที่รถขับเข้าไปไม่ถึงอย่างตรอกตึกดินนั้นมีคาเฟ่เปิดใหม่ซ่อนอยู่ คาเฟ่นี้ชื่อว่า Flints เป็นคาเฟ่สีขาวเรียบง่าย ตกแต่งด้วยวัตถุดิบธรรมชาติอย่างไม้ หิน กรวด และต้นไม้นานาชนิด และที่สำคัญคือเมนูขนมและเครื่องดื่มของร้านนี้ไม่มีอะไรที่ธรรมดาเลย
บรรยากาศร้าน
บรรยากาศร้าน
บรรยากาศร้าน
เมื่อหาที่จอดรถในบริเวณนั้นได้แล้วให้เดินเข้าตรอกตึกดินมา จะเจอกับคาเฟ่สีขาวตั้งเด่นอยู่กลางตรอก Flints เป็นคาเฟ่เปิดใหม่ของทีมแบรนด์เครื่องประดับ Rock Me Jewelry นี่จึงเป็นคำตอบว่าทำไมในร้านถึงเต็มไปด้วยของตกแต่งที่ทำมาจากหิน พลอย กรวด แม้แต่เคาน์เตอร์ โต๊ะ และเก้าอี้ ก็ทำมาจากหิน และชื่อ Flints เองก็แปลว่าหินเหล็กไฟ ที่ทางร้านมีทุกองค์ประกอบครบ หินคือพลอยที่ทางร้านใช้ทำเครื่องประดับ เหล็กและไฟก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำเครื่องประดับ นอกจากนี้ในร้านเต็มไปด้วยของตกแต่งแบบงานคราฟต์และของแฮนด์เมดทั้งสิ้น อย่างมือจับประตูหน้าร้านนั้นก็เป็นพลอยดิบที่ทางร้านลงมือทำเองจนกลายเป็นมือจับประตูที่ไม่เหมือนที่ไหน หรือดริปเปอร์ที่ใช้ในร้านก็เป็นทองเหลืองที่ทางร้านหล่อเองเช่นกัน
บรรยากาศร้าน
บรรยากาศร้าน
บรรยากาศร้าน
Rock Me Jewelry เป็นแบรนด์เครื่องประดับที่ก่อตั้งมาแล้วกว่า 9 ปี โดดเด่นที่การใช้พลอยดิบทรงธรรมชาติ เน้นสีและทรงของพลอยที่ไม่ผ่านการเจียระไน ทำให้ราคาน่ารักจับต้องได้ และวันนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ Rock Me Jewelry จะมีร้านแบบสแตนด์อโลนของตัวเองเสียที จึงใช้พื้นที่ชั้น 2 ของ Flints มาจัดแสดงเครื่องประดับนานาชนิดของทางร้าน คุณสามารถเลือกและลองได้จนกว่าจะเจอแบบที่ชอบ และถ้าขนาดไม่พอดีก็สามารถปรับขนาดได้ที่ร้านเลย หรือจะนั่งคุยกับทางร้านเพื่อสั่งทำเครื่องประดับในแบบที่ชอบก็ได้เหมือนกัน โดยคุณสามารถเลือกพลอยตามสีที่ชอบ สีมงคลประจำวันเกิด หรือความหมายของพลอยมาผสมกันเองได้เลย
นอกจากนี้ในอนาคตทางร้านจะมีพื้นที่คลาสสำหรับใครที่สนใจอยากทำเครื่องประดับจากพลอยเอง มีตั้งแต่ระดับเริ่มต้นอย่างการทำจี้หรือแหวนเงินของตัวเองที่ทางร้านเตรียมเนื้อเงินไว้ให้ ไปจนถึงระดับมืออาชีพที่หลอมโลหะและฉลุเองทุกขั้นตอน หรือจะเป็นคลาสงานศิลปะอื่นๆ อย่างสีน้ำ งานอะคริลิก หรือเป่าแก้วก็มี
Snowflake (160 บาท) และ Cupid (150 บาท)
มาเริ่มกันที่เครื่องดื่ม 4 แก้วที่เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน เพราะทางร้านหยิบเอาชื่อคอลเลกชันเครื่องประดับที่เคยทำมาคิดใหม่ให้อยู่ในรูปแบบของเครื่องดื่ม Snowflake (160 บาท) แก้วนี้เป็นตัวแทนของดอกไม้สีแดงที่มีเกล็ดน้ำแข็งเกาะ ทางร้านจึงเลือกใช้ชากระเจี๊ยบกุหลาบผสมลิ้นจี่แทนดอกไม้สีแดง และใช้ฟองสีขาวแทนเกล็ดน้ำแข็งที่เกาะอยู่บนดอกไม้ รสชาติออกเปรี้ยว ไม่หวานมาก ได้กลิ่นหอมของกุหลาบทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ส่วนแก้วต่อไปเริ่มมีสีสันจัดจ้านขึ้นมา Cupid (150 บาท) แก้วนี้มาจากคอลเล็กชันวาเลนไทน์ของทางร้านที่ทางร้านตีความให้ออกมาเป็นความรักในวัยหนุ่มสาว จึงเลือกใช้สีแดงและสีเหลืองแยกชั้นกัน ออกแบบรสชาติให้หวานเปรี้ยวด้วยพีชและเสาวรส ตกแต่งด้วยแอปริคอตเสียบไม้
Ride the Wave (150 บาท) และ The Old Days (150 บาท)
อีกแก้วที่น่าสนใจคือ Ride the Wave (150 บาท) เครื่องดื่มแก้วนี้มาในแก้วทรงสูงที่ตกแต่งด้วยสายไหมนุ่มฟู มาจากคอลเล็กชันที่มีคลื่นทะเลเป็นแรงบันดาลใจ จึงเลือกใช้น้ำสีฟ้าน้ำทะเลและใช้สายไหมแทนฟองคลื่น มีกลิ่นซิตรัส เลมอน และมะพร้าว รสชาติออกไปทางทรอปิคัล และแก้วสุดท้ายสีม่วงสดใส The Old Days (150 บาท) คอลเล็กชันนี้จะเป็นเครื่องประดับที่ดูวินเทจ และถ้าพูดถึงความวินเทจหลายคนก็จะนึกถึงสีม่วง ทางร้านเลยเลือกใช้ชาใบหม่อนมะลิผสมอัญชันให้ได้สีม่วงสวย เสิร์ฟในแก้วทรงสูง และตกแต่งด้วยวุ้นกรอบที่ทำสีเหมือนพลอยอยู่ด้านบน
Apple Crumble Macchiato (115 บาท) และ Dirty (125 บาท)
เมนูกาแฟของทางร้านก็น่าสนใจไม่แพ้กัน แก้วที่เป็นซิกเนเจอร์คือ Apple Crumble Macchiato (115 บาท) กาแฟที่ให้กลิ่นของแอปเปิ้ลพาย มีกลิ่นของบิสกิตเล็กน้อย เป็นการเอาคาราเมลมัคคิอาโตมาดัดแปลงให้สดชื่นและน่ารักกว่าเดิม ด้านบนแก้วตกแต่งด้วยแอปเปิ้ลอบแห้งกลิ่นหอม ส่วน Dirty (125 บาท) ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟทั้งสามแบบ ทั้งคั่วอ่อน คั่วกลาง และคั่วเข้ม นำมาผสมกันให้รสชาติไม่เข้มไม่อ่อนจนเกินไป
Lost in the Forest (120 บาท)
Macaron (ชิ้นละ 40 บาท)
Galaxy (55 บาท)
ในส่วนของขนมนั้นทางร้านก็ทำขึ้นมาใหม่ให้เข้ากับธีมของร้าน เริ่มจาก Lost in the Forest (120 บาท) เลมอนเมอแรงก์พายที่ตกแต่งมาอย่างสวยงามด้วยดอกไม้กินได้ เข้ากับความเป็นธรรมชาติของร้าน หรือจะเป็น Macaron (ชิ้นละ 40 บาท) มาการองหลากสีที่เป็นตัวแทนของพลอยชนิดต่างๆ อย่างสีส้มก็เป็นตัวแทนของซิทริน มีรสชาติเปรี้ยวของเสาวรส หรือสีเทาเป็นตัวแทนของไอโอไลต์ มีรสชาติหวานของซอลต์คาราเมล ปิดท้ายด้วยโดนัทกาแล็กซีเป็นตัวแทนของคอลเล็กชันกาแล็กซี ที่ทางร้านหยิบเอาสีชมพูและฟ้ามาเล่นสนุกบนน้ำตาลที่เคลือบอยู่บนโดนัท พร้อมโรยผงทองตกแต่งให้ออกมาเป็นโดนัทที่ไม่เหมือนใคร
Flints เป็นจุดหมายปลายทางที่เราอยากให้คุณลองแวะมาจิบเครื่องดื่มและกินขนมสวยๆ ที่ไม่เหมือนใคร และเดินเล่นเลือกเครื่องประดับพลอยที่ชื่นชอบไปใส่กันดู
Flints
Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10.00-19.00 น.
Address: ตรอกตึกดิน ถนนดินสอ กรุงเทพฯ
Budget: 100-200 บาท
Contact: 09 5869 3464
Website: https://www.facebook.com/flintskraftkafe
Map: