ครึ่งแรกปี 2564 บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย มีกำไรสุทธิ 528,342 ล้านบาท มีสัญญาณการฟื้นตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรายงานผลประกอบการดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ภาวะเศรษฐกิจอ่อนตัวมาก ขณะที่ไตรมาส 2/64 มีผลประกอบการชะลอลงเล็กน้อยจากการแพร่ระบาดของโควิดรอบที่ 3
แมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนจำนวน 738 บริษัท คิดเป็น 97.4% จากทั้งหมด 758 บริษัท (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทจดทะเบียนในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC) นำส่งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 และงวดสะสม 6 เดือนปี 2564 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2564 พบว่ามีบริษัทจดทะเบียนรายงานกำไรสุทธิ 566 บริษัท คิดเป็น 76.7% ของบริษัทจดทะเบียนที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
ในช่วงครึ่งแรกของปีก่อน บริษัทจดทะเบียนมีผลประกอบการตกต่ำจากปัญหาราคาน้ำมัน และการเริ่มแพร่ระบาดของโควิด ส่งผลให้ในงวดครึ่งแรกของปี 2564 บริษัทจดทะเบียนมีผลประกอบการดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมียอดขายรวม 6,075,960 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.0% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core Profit) 804,953 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 118.6% และกำไรสุทธิ 528,342 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144.2% ตามลำดับ
ปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตคือราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับสูงขึ้น ทั้งผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี เหล็ก ยางพารา และน้ำมันปาล์ม และผู้ประกอบการสามารถปรับตัวในการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ หากไม่รวมหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค และปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ บริษัทจดทะเบียนยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้น 7.2% มีกำไรจากการดำเนินงานหลักเพิ่มขึ้น 32.2% และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 54.8%
อย่างไรก็ตาม สำหรับในไตรมาส 2/64 ที่มีการแพร่ระบาดของโควิดเป็นรอบที่ 3 พบว่าบริษัทจดทะเบียนมีผลประกอบการชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 จากที่ทยอยฟื้นตัวในช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยบริษัทจดทะเบียนมียอดขาย 3,119,488 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานหลัก 408,573 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 265,403 ล้านบาท
สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ ไตรมาส 2/64 บริษัทจดทะเบียนไทยมีความระมัดระวังในการดูแลโครงสร้างของทุน ส่งผลอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) หรือ D/E Ratio ลดลงมาอยู่ที่ 1.50 เท่า จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 1.54 เท่า
“ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 สถานการณ์ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจต่างประเทศที่ทยอยฟื้นตัว ทำให้ราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับสูงขึ้นอย่างมาก จึงทำให้บริษัทจดทะเบียนมีผลประกอบการดีขึ้น และเป็นที่น่าสังเกตว่ามีผลบวกเกิดขึ้นในบางหมวดธุรกิจ เช่น หมวดขนส่งในธุรกิจเดินเรือ ที่ฟื้นตัวจากความต้องการใช้เรือขนส่งมากขึ้น และจากการแพร่ระบาด ส่งผลให้หมวดธุรกิจการแพทย์ที่มีการให้บริการตรวจรับเชื้อและที่พักฟื้นมากขึ้น ทั้งนี้ หมวดธุรกิจบริการยังคงได้รับผลกระทบอยู่ค่อนข้างมาก” แมนพงศ์กล่าว
ด้านบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) มีผลประกอบการงวดครึ่งแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญทุกรายการเช่นกัน โดยบริษัทจดทะเบียนมียอดขายรวม 85,299 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานหลัก 5,622 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 3,851 ล้านบาท
เตรียมพบกับฟอรัมที่ผู้บริหาร ‘ต้องดู’ ก่อนวางแผนกลยุทธ์ปีหน้า! The Secret Sauce Strategy Forum คัมภีร์กลยุทธ์ฝ่าวิกฤตปี 2022
📌 เฟรมเวิร์กกลยุทธ์ใช้ได้จริง
📌 ฉากทัศน์เศรษฐกิจไทย–โลก
📌 เทรนด์ผู้บริโภค–การตลาด
📌 เคสจริงจากผู้บริหาร
พิเศษ! บัตร Early Bird 999 บาท วันนี้ถึง 27 สิงหาคมนี้เท่านั้น
ซื้อบัตรได้แล้วที่ www.zipeventapp.com/e/the-secret-sauce