ในความสัมพันธ์อันยาวนานนั้น สิ่งที่น่าจดจำและน่าสนใจไม่ใช่จำนวนปี หากแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทาง เฉกเช่นเรื่องราวระหว่าง OMEGA แบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิส กับมหกรรมกีฬาของประชาคมโลกอย่าง โอลิมปิก (Olympics) ที่ได้สร้างบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ร่วมกันมาเกือบร้อยปี และในระหว่างทางที่ผ่านมาก็ไม่หยุดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับวงการกีฬา ผู้ชม และโลกใบนี้
THE STANDARD POP จึงอยากพาคุณย้อนอดีตไปเปิดไทม์ไลน์ความสัมพันธ์ระหว่าง OMEGA และ Olympics ว่าที่ผ่านมาได้มอบอะไรไว้ให้กับโลกใบนี้บ้าง และใน Olympics Tokyo ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่ง OMEGA รับหน้าที่เป็นผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการ OMEGA จะสร้างสรรค์อะไรมาเป็นสักขีพยานแห่งความสัมพันธ์
ไทม์ไลน์ความสัมพันธ์ OMEGA-Olympics จากอดีตถึงปัจจุบัน
ปี 1932 ณ ลอสแอนเจลิส – เป็นครั้งแรกที่ความสัมพันธ์ระหว่าง OMEGA กับ Olympics เริ่มเปิดฉากขึ้น ซึ่ง OMEGA นับเป็นบริษัทเดียวที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการของมหกรรมกีฬาโอลิมปิก โดยที่ไม่มีใครคาดคิดว่าตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้จะอยู่กับ OMEGA เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ในครั้งนั้น OMEGA ส่งนาฬิกาจับเวลาที่มีความเที่ยงตรงสูงสุด 30 เรือน บอกเวลาได้ละเอียดถึงระดับ 1/10 ของวินาทีไปปฏิบัติภารกิจ
ปี 1952 ณ เฮลซิงกิ – ครบวาระ 20 ปีความร่วมมือระหว่าง OMEGA และ Olympics รวมถึงเป็นปีที่แบรนด์ได้รับ Cross of Merit จาก IOC ในฐานะ ‘การอุทิศตนให้กับโลกของการกีฬา’ พร้อมขับเคลื่อน OMEGA Time Recorder ที่มีกลไกควอตช์ โครโนกราฟไฟฟ้าผนวกมากับเครื่องพิมพ์ความเร็วสูง สามารถบอกเวลาการแข่งขันและพิมพ์ตัวเลขได้ทันทีที่ความละเอียดระดับ 1/100 ของวินาที
ปี 1968 ณ เม็กซิโกซิตี้ – การมาถึงของทัชแพด บอกลาข้อกังขาในกีฬาว่ายน้ำ เพราะนักกีฬาสามารถหยุดเวลาได้ด้วยตัวเองทันทีที่มือสัมผัสขอบสระ
ปี 1984 ณ ลอสแอนเจลิส – สร้างชื่อในวงการกรีฑา กับเครื่องตรวจการออกสตาร์ทที่ผิดกติกา ซึ่งสามารถตรวจจับได้แม้การทำผิดกติกานั้นจะเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววิแบบที่ไม่มีใครสังเกตเห็น เป็นการฟ้องคนผิดกติกาด้วยนวัตกรรม
ปี 2012 ณ ลอนดอน – ทุบสถิติความเที่ยงตรงด้วย Quantum Timer รุ่นใหม่จาก OMEGA ที่บอกเวลาได้เที่ยงตรงกว่าอุปกรณ์รุ่นก่อนถึง 5 เท่า และมีความคลาดเคลื่อนเพียง 1 วินาทีใน 10 ล้านวินาที
ปี 2020 (2021) ณ โตเกียว – OMEGA สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้หลากหลายชนิดกีฬา ทุกการแข่งขันจะถูกรายงานผลอย่างตรงไปตรงมา ตั้งแต่เริ่มออกตัวจนถึงเส้นชัยราวกับผู้ชมทั่วโลกอยู่เกาะติดขอบสนาม โดยเฉพาะกับชนิดกีฬาใหม่ๆ อย่าง ปีนผา ที่ใช้ความเร็วในการตัดสิน โดยให้ผู้เข้าแข่งขันแตะทัชแพดหยุดเวลาที่เส้นชัยได้ด้วยตัวเอง เรียกได้ว่านอกจากภารกิจที่ได้รับ OMEGA ยังผลักดันตัวเองให้ก้าวสู่มาตรฐานใหม่ไปด้วยในทุกยุคทุกสมัย ทำให้มั่นใจได้ว่านี่คือแบรนด์เทคโนโลยีที่เที่ยงตรงแม่นยำในระดับมาตรฐานสูงสุด
4 คอลเล็กชันจาก OMEGA สักขีพยานความเรืองรองในโอลิมปิก
เพื่อเป็นสักขีพยานถึงความสัมพันธ์ OMEGA จึงได้สร้างสรรค์เรือนเวลา Seamaster คอลเล็กชันพิเศษถึง 4 คอลเล็กชันในคราวเดียว เพื่อบันทึกเรื่องราวความทรงจำและจดจารมาตรฐานทางเทคโนโลยีเวลาในโมเมนต์ของมหกรรมกีฬาโอลิมปิกโตเกียว ได้แก่
1. Seamaster Aqua Terra Tokyo 2020 Limited Gold Edition รุ่นใหม่ มาในขนาดตัวเรือน 2 ไซส์คือ 38 มม. และ 41 มม. โดดเด่นด้วยตัวเรือน Yellow Gold 18 K ที่ส่องประกายและรังสรรค์เพื่อมหกรรมกีฬาโอลิมปิกโตเกียว 2020 โดยเฉพาะ สายเป็นหนังสีน้ำเงิน หน้าปัดเซรามิกขัดเงาสีน้ำเงิน ผ่านการแกะสลักด้วยเลเซอร์เป็นลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสัญลักษณ์ของมหกรรมกีฬาโอลิมปิกโตเกียว 2020 ขับเคลื่อนด้วยกลไกระดับ Co-Axial Master Chronometer ที่รับประกันถึงมาตรฐานสูงสุดในด้านความเที่ยงตรง มาพร้อมกับกล่องนาฬิกาแบบพิเศษและมีการรับประกันถึง 5 ปีเต็ม
2. คอลเล็กชัน Seamaster Aqua Terra Tokyo 2020 Limited Edition ตกแต่งด้วยตราสัญลักษณ์ Tokyo 2020 ที่สลักด้วยเลเซอร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ OMEGA ได้นำหน้าปัดเซรามิกมาใช้ในงานลิมิเต็ดเอดิชัน ผลิตเพียง 2,020 เรือน ทรงพลังทั้งบนบกและใต้ผืนน้ำ พร้อมเคียงข้างบนข้อมือนักกีฬา
3. หากอยากสัมผัสวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นอย่างที่สุด คอลเล็กชัน Seamaster Planet Ocean Tokyo 2020 Limited Edition สามารถนำพาคุณไปถึงจุดนั้นด้วยดีไซน์ที่สื่อถึงสีสัญลักษณ์แดนอาทิตย์อุทัย ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 39.5 มม. ถูกติดตั้งด้วยขอบตัวเรือนเซรามิกสีขาว สเกลดำน้ำ OMEGA Liquidmetal™ และเพื่อเป็นการอุทิศให้กับปีของ Tokyo 2020 ตัวเลข 20 บนขอบตัวเรือนได้ถูกบรรจุด้วยลิควิดเซรามิกสีแดง ในส่วนของหน้าปัดจะเป็นเซรามิกสีขาวขัดเงา พร้อมสื่อสารความเป็นโตเกียวผ่านเข็มวินาทีกลางทรงโลลิป๊อปแบบพิเศษ ปลายเข็มดอตสีแดงทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์สื่อแทนธงชาติญี่ปุ่น ผลิตออกมาให้จับจองเพียง 2,020 เรือนเท่านั้น
4. คอลเล็กชันสุดท้าย จะพาคุณสวมวิญญาณนักกระโดดน้ำดำดิ่งไปผจญภัยใต้เกลียวคลื่นกับรุ่น Seamaster Diver 300m Tokyo 2020 ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 42 มม. ติดตั้งด้วยขอบตัวเรือนเซรามิกสีน้ำเงินที่บรรจุด้วยสเกลดำน้ำอีนาเมลสีขาว และวัสดุสเตนเลสสตีลบริเวณสายนาฬิกาที่ผสานเข้ากับตัวเรือนได้ราวกับเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ภายใต้กระจกแซฟไฟร์บนฝาหลังคือตรา Tokyo 2020
ดอกผลแห่งกาลเวลา คือเทคโนโลยีบอกเวลาล้ำสมัย
จากเรื่องราวระหว่าง OMEGA และ Olympics บนหน้าประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าในทุกการแข่งขันโอลิมปิก OMEGA ยืนหนึ่งในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับเวลา ไม่ว่าจะเป็น จับเวลา บอกเวลา หรือแม้แต่เก็บสถิติเวลา ซึ่งช่วยแก้ปัญหา สนับสนุน และเพิ่มความสนุกให้กับการแข่งขัน และนี่คือผลลัพธ์ของการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง OMEGA และโอลิมปิก ที่เราอยากย้ำให้คุณเห็นอีกครั้ง
ปืนให้สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ – ส่งสัญญาณที่ยุติธรรมที่สุดเพื่อการออกตัวของนักกีฬา
แป้นยันเท้าเริ่มวิ่ง – เพิ่มเซ็นเซอร์ที่ช่วยตรวจจับแรงกระทำระหว่างนักกีฬากับแป้น จบปัญหานักกรีฑาที่ทำผิดกติกา
เทคโนโลยี Photocell – เพราะชัยชนะของนักกรีฑาคือความภูมิใจ เทคโนโลยีฉายลำแสงโฟโต้เซลล์จาก OMEGA จะช่วยรายงานการเข้าเส้นชัยของนักกรีฑาได้แบบเรียลไทม์
Scan O Vision MYRIA – กล้องโฟโต้ฟินิชที่ทันสมัยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ OMEGA หลักฐานการยืนยันแห่งชัยชนะอันดุเดือดที่เที่ยงธรรมมากที่สุด
Swimming Light Show – ประกาศชัยชนะของนักกีฬาว่ายน้ำให้เป็นที่ประจักษ์ด้วยสัญญาณไฟที่ถูกติดตั้งบนแท่นกระโดดปลายสระ วิธีการเยี่ยมยอดสำหรับทั้งผู้เข้าแข่งขันและผู้ชมในการรับทราบผลการแข่ง
Quantum Timer – นาฬิกาจับเวลาที่เก็บรายละเอียดยุบยิบได้เป็นอย่างดี สามารถบอกความละเอียดระดับไมโครวินาที คลาดเคลื่อนสูงสุดเพียง 1 ใน 10 ล้านวินาที
ทั้งหมดนี้บอกเราถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นของ OMEGA และ Olympics อีกทั้งยังสะท้อนภาพความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบอกเวลาของ OMEGA ได้อย่างยอดเยี่ยม
สำหรับแฟนๆ ที่สนใจเรือนเวลาสุดพิเศษเหล่านี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บูติก OMEGA
สาขาเซ็นทรัล เอ็มบาสซี โทร. 0 2160 5959
สาขาสยามพารากอน โทร. 0 2129 4878
สาขาดิ เอ็มโพเรียม โทร. 0 2664 9550
หรือคลิก https://bit.ly/2U82CSB