กลายเป็นข่าวที่สื่อดังทุกสำนักพร้อมใจนำเสนอ เมื่อ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนวัย 90 ปี ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ‘ทรัสตี’ ประจำมูลนิธิ Bill & Melinda Gates เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (23 มิถุนายน)
โดยแถลงการณ์ของบัฟเฟตต์ไม่ได้ชี้ชัดถึงสาเหตุในการลาออกจากมูลนิธิ เพียงแต่ระบุถึงการลาออกจากตำแหน่งทรัสตี พร้อมๆ กับการลาออกจากตำแหน่งบอร์ดบริหารในทุกๆ บริษัทที่ตนทำงานอยู่นอกเหนือจากบริษัท Berkshire Hathaway ก่อนปิดท้ายด้วยการแสดงจุดยืนสนับสนุนซีอีโอคนใหม่ของมูลนิธิอย่าง มาร์ก ซุซแมน อย่างเต็มที่ ว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมและมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก
บัฟเฟตต์กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ตนเองยังคงมีเป้าหมายสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับมูลนิธิ 100% แต่คิดว่าตนเองไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปในการเข้าร่วมงานกับมูลนิธิ โดยการลาออกนี้มีขึ้นหลังจากที่ บิล เกตส์ และอดีตภรรยา เมลินดา เกตส์ ยื่นเรื่องขอหย่าขาดจากกัน เพราะเรื่องอื้อฉาวเชิงชู้สาวที่ บิล เกตส์ พัวพันด้วยเมื่อหลายปีก่อน
นอกจากประกาศลาออกแล้ว บัฟเฟตต์ยังได้ประกาศบริจาคหุ้นของบริษัท Berkshire Hathaway ส่วนใหญ่ของตนเอง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 99% ให้แก่มูลนิธิและองค์กรการกุศล 5 แห่ง คิดเป็นมูลค่า 4.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการบริจาคเป็นไปตามคำมั่นสัญญาที่เคยลั่นวาจาไว้เมื่อปี 2006
สำหรับมูลนิธิและองค์กรการกุศลทั้ง 5 แห่งที่ได้รับหุ้นของ Berkshire Hathaway ประกอบด้วย มูลนิธิ Bill & Melinda Gates, มูลนิธิ Susan Thompson Buffett, มูลนิธิ Sherwood, มูลนิธิ Howard G. Buffett และมูลนิธิ NoVo โดยทั้งหมดล้วนเป็นมูลนิธิที่ได้รับเงินบริจาคจากบัฟเฟตต์มาตลอด 16 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นวงเงินราว 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ แต่เดิมบัฟเฟตต์ถือหุ้น A Share จำนวน 474,998 หุ้นในบริษัท Berkshire Hathaway ซึ่งหลังจากการประกาศบริจาคหุ้น ทำให้บัฟเฟตต์เหลือหุ้นในบริษัทอยู่อีก 238,624 หุ้น
อย่างไรก็ตาม บัฟเฟตต์ย้ำว่า การประกาศลาออกครั้งนี้ไม่ใช่บทเพลงส่งท้าย (Swan Song) ของตนเองอย่างแน่นอน แม้ว่าก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะกำหนดตำแหน่งผู้สืบทอดของ Berkshire Hathaway อย่าง เกรก เอเบล ไว้แล้วก็ตาม โดยบัฟเฟตต์กล่าวว่า ตนเองยังคงยืนถือบอลอยู่ในสนาม และรู้ตัวชัดเจนว่ากำลังเล่นอยู่ในเกมช่วงต่อเวลา หลังสิ้นสุดการแข่งขันเต็มเวลาแล้ว
อ้างอิง: