อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นรายได้หลักสำหรับหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงไทย ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตแพร่ระบาดรุนแรงของโรคโควิด-19 ในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก่อให้เกิดการปิดกั้นและจำกัดการเดินทางข้ามพรมแดน
โดยสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (World Travel and Tourism Council: WTTC) ประเมินความเสียหายที่เกิดกับธุรกิจในภาคการท่องเที่ยว คาดว่าสูงถึงเกือบ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เฉพาะสายการบินสูงถึง 1.26 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้แรงงานในอุตสาหกรรมนี้ต้องสูญเสียงานไปกว่า 62 ล้านตำแหน่ง
ความหวังในการพลิกฟื้นสถานการณ์ของทั่วโลกตอนนี้อยู่ที่การเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่สิ่งสำคัญคือแผนดำเนินการเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า จะไม่เป็นการนำผู้ติดเชื้อเข้าประเทศ
ซึ่งโมเดลในการเปิดรับนักเดินทางของหลายประเทศก็มีความแตกต่างกัน บางประเทศเริ่มอนุญาตเฉพาะผู้ฉีดวัคซีนแล้ว แต่อีกหลายประเทศยังจำเป็นต้องมีการตรวจเชื้อหรือกักตัวเพื่อเฝ้าระวัง
และนี่คือข้อมูลความคืบหน้าในแผนเปิดประเทศทั่วโลก ใครใช้โมเดลไหน และเดินหน้าไปไกลแค่ไหน และใครที่กำลังตามหลัง
ยุโรป
ประเทศในกลุ่ม EU ทยอยปรับเปลี่ยนกฎระเบียบเพื่อเปิดประเทศต้อนรับนักเดินทางอย่างช้าๆ โดยอนุญาตให้พลเรือนจากในกลุ่ม EU และนอก EU บางประเทศ สามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องตรวจเชื้อหรือกักตัวหากได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว
ฝรั่งเศส
เปิดประเทศต้อนรับนักเดินทางต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสจากประเทศในกลุ่ม EU และนอก EU ได้แก่ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอิสราเอล สามารถเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องตรวจเชื้อ ส่วนนักเดินทางจากประเทศเหล่านี้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเข้าประเทศได้แต่จำเป็นต้องมีผลตรวจเชื้อเป็นลบ
วัคซีนที่อนุญาต คือวัคซีนที่ผ่านการรับรองจากองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency: EMA) ได้แก่ Pfizer-BioNTech, Moderna, AstraZeneca (ต้องฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วอย่างน้อย 2 สัปดาห์ นับจากโดสสุดท้าย) และ Johnson & Johnson (เป็นวัคซีนแบบโดสเดียว ต้องฉีดครบโดสอย่างน้อย 4 สัปดาห์)
สำหรับประเทศนอกเหนือจากนี้ ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบัญชีแดง (Red List) ของฝรั่งเศส ซึ่งรวมถึง แอฟริกาใต้ บังกลาเทศ ชิลี และโคลอมเบีย จะได้รับอนุญาตเข้าประเทศในกรณีจำเป็น แต่ต้องมีการกักตัวอย่างน้อย 7 วันแม้จะได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว
สเปน
ไฟเขียวต้อนรับนักเดินทางที่ฉีดวัคซีนแล้วจากหลายประเทศในกลุ่ม EU และประเทศทั่วโลกส่วนใหญ่ เริ่มตั้งแต่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา สามารถเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว แต่ต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบโดสอย่างน้อย 14 วัน
วัคซีนที่ได้รับอนุญาต ได้แก่วัคซีนที่ผ่านการรับรองจาก EMA หรือองค์การอนามัยโลก (WHO)
กรีซ
เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวจากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศในกลุ่ม EU สหรัฐฯ แคนาดา รัสเซีย และจีน โดยต้องมีทั้งใบรับรองการฉีดวัคซีนที่ฉีดครบโดสแล้วอย่างน้อย 14 วัน และผลตรวจเชื้อแบบ PCR ที่เป็นลบ แต่ยังมีการสุ่มตรวจเชื้อด้วยชุดตรวจแบบรวดเร็ว หรือ Rapid Test ที่สนามบิน
วัคซีนที่ได้รับอนุญาต ได้แก่ Pfizer-BioNtech, Moderna, AstraZeneca, Novavax, Johnson & Johnson, Sinovac, Sputnik V, Casino Biologics และ Sinopharm
ไซปรัส
รัฐบาลไซปรัสประกาศเปิดประเทศเมื่อ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากหลายสิบประเทศทั่วโลก รวมถึงชาติสมาชิก EU ทั้งหมด และประเทศในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) ตลอดจน แคนาดา อียิปต์ เซอร์เบีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ
ใช้ระบบสี เขียว ส้ม แดง ในการกำหนดว่านักเดินทางจากประเทศไหนต้องแสดงผลตรวจเชื้อ แต่สำหรับนักเดินทางที่ผ่านการฉีดวัคซีนครบโดสและมีเอกสารรับรองถูกต้อง จะได้รับการยกเว้นไม่ว่าจะมาจากประเทศที่อยู่ในกลุ่มสีไหน
วัคซีนที่อนุญาต ได้แก่ วัคซีนที่อนุมัติใช้งานใน EU ตลอดจน Sputnik V และ Sinopharm
โครเอเชีย
โครเอเชียอนุมัติใช้บัตรผ่านเดินทาง หรือ Travel Pass สำหรับนักเดินทางที่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบโดสหรือพิสูจน์ได้ว่าหายจากการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว
นักเดินทางจากประเทศในกลุ่ม EU และ EEA ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสีเขียว ต้องแสดงเอกสารผลตรวจเชื้อแบบ PCR ที่เป็นลบ หรือเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน หลังฉีดโดสแรกหรือโดสที่ 2 แล้วอย่างน้อย 14 วัน หากไม่มีเอกสารดังกล่าวต้องกักตัว 10 วัน
ประชาชนจากสหราชอาณาจักรหรือนอกกลุ่ม EU และ EEA จะได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศสำหรับการเดินทางในกรณีจำเป็นเท่านั้น และสำหรับประชาชนจากแอฟริกาใต้ บราซิล และอินเดีย จำเป็นต้องกักตัวไม่ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่
วัคซีนที่ได้รับอนุญาต ได้แก่ วัคซีนที่ EU อนุมัติใช้ และวัคซีน Sputnik V
เยอรมนี
อนุมัติใช้บัตรผ่านเดินทางสำหรับนักเดินทางที่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบโดส หรือพิสูจน์ได้ว่าหายจากการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว
ผู้เดินทางเข้าประเทศทุกคน ต้องกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนดิจิทัลก่อนเดินทาง และสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศทางเครื่องบิน ต้องมีเอกสารรับรองผลตรวจเชื้อเป็นลบก่อนเดินทาง แต่ยกเว้นสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว
นักเดินทางจากประเทศนอกกลุ่ม EU และเขตเชงเกนจะได้รับอนุญาตเข้าประเทศเฉพาะการเดินทางที่จำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น ส่วนนักเดินทางที่มาจากประเทศที่ถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงต้องกักตัวอย่างน้อย 10-14 วัน
นักเดินทางจากประเทศที่ทางการเยอรมนีระบุว่าเป็นพื้นที่ระบาดของสายพันธุ์ที่น่ากังวล (Area of Variant of Concern) เช่น สหราชอาณาจักร บอตสวานา เนปาล หรือโมซัมบิก ต้องถูกกักตัวก่อนเข้าประเทศแม้ฉีดวัคซีนแล้ว
ประเทศ EU อื่นๆ
ส่วนประเทศอื่นๆใน EU เช่น เดนมาร์ก สโลวีเนีย ลัตเวีย เอสโตเนีย ออสเตรีย โปแลนด์ และลิทัวเนีย มีมาตรการเปิดพรมแดนต้อนรับนักเดินทางต่างชาติคล้ายกับเยอรมนี โดยยังจำกัดการเข้าประเทศของนักเดินทางจากนอก EU ที่ไม่มีความจำเป็น และมีการยกเว้นการตรวจเชื้อหรือกักตัวสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว
เอเชีย
หลายประเทศในเอเชีย ยังคงเผชิญสถานการณ์ระบาดระลอกใหม่ที่รุนแรงและไม่น่าไว้ใจ ทำให้แผนเปิดประเทศสำหรับหลายประเทศถูกระงับหรือเลื่อนออกไป
ไทย
ไทยอนุญาตให้นักเดินทางต่างชาติเข้าประเทศ ภายใต้ข้อกำหนดและมาตรการป้องกันที่เข้มงวด เช่น การกักตัว 14 วันเมื่อเดินทางมาถึง ขณะที่รัฐบาลผลักดันมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วในบางจังหวัด เช่น โครงการแซนด์บ็อกซ์ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะอนุญาตให้นักเดินทางที่ฉีดวัคซีนแล้วเข้าภูเก็ตได้โดยไม่ต้องกักตัว เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
กัมพูชา
กัมพูชาเผชิญสถานการณ์ระบาดครั้งใหม่จนต้องมีการประกาศล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวในบางพื้นที่ แต่ในทางเทคนิคแล้วนักเดินทางจากต่างชาติยังสามารถเดินทางเข้าประเทศได้ ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมที่เข้มงวด เช่น การตรวจเชื้อล่วงหน้า 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง และการกักตัว 14 วันเมื่อเดินทางถึง
เวียดนาม
สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุด ทำให้เวียดนามต้องระงับแผนเปิดประเทศระยะแรก ที่ตั้งเป้าเปิดการท่องเที่ยวแบบจับคู่เดินทางหรือ Travel Bubble ในแหล่งท่องเที่ยวเมืองชายหาดทางภาคกลาง ช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน โดยปัจจุบันทางการเวียดนามยังคงบังคับใช้มาตรการกักตัวสำหรับนักเดินทางที่มาจากต่างประเทศ
ลาว
สปป.ลาว เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต่ำที่สุดในโลก แต่การเปิดพรมแดนต้อนรับนักเดินทางยังเป็นไปอย่างจำกัด โดยต้องมีการกักตัว 14 วัน ขณะที่สถานการณ์แพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ทางการต้องพิจารณาใช้มาตรการล็อกดาวน์บางพื้นที่เพื่อควบคุมการระบาด
อินโดนีเซีย
อินโดนีเซียที่ตอนนี้เผชิญการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา กำลังผลักดันมาตรการเปิดรับนักเดินทางต่างชาติในหลายเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ทั้งบาหลี บินตัน และบาตัม ภายใต้โครงการที่ชื่อว่า ข้อตกลงระเบียงการเดินทาง (Travel Corridor Agreement: TCA) ที่จะอนุญาตให้ประชาชนจากประเทศที่มีผู้ติดเชื้อต่ำและอัตราการฉีดวัคซีนสูง สามารถเดินทางไปยังเกาะเหล่านี้ได้ โดยกำลังมีการหารือข้อตกลงกับเนเธอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จีน และเกาหลีใต้
สิงคโปร์
สิงคโปร์มีแผนเปิดประเทศระยะแรกด้วยการจับคู่ Travel Bubble กับฮ่องกง แต่แผนถูกเลื่อนออกไปจากสถานการณ์ระบาดที่รุนแรงขึ้นในปัจจุบัน ขณะที่รัฐบาลสิงคโปร์มีแผนเปิดประเทศต้อนรับนักเดินทางที่ฉีดวัคซีนแล้วในช่วงปลายปีนี้
จีน
จีนยังคงเข้มงวดในมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศของนักเดินทางต่างชาติ โดยอนุญาตเฉพาะนักเดินทางที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำธุรกิจและต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน เช่น มีเอกสารรับรองผลตรวจเชื้อเป็นลบและกักตัว 14-21 วันเมื่อเดินทางไปถึง
ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นยังคงปิดประเทศต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 4 แม้จะมีความพยายามเร่งควบคุมสถานการณ์ เพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาโตเกียวโอลิมปิกที่มีกำหนดเปิดฉากในเดือนกรกฎาคม ซึ่งปัจจุบันนักเดินทางต่างชาติยังไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศเพื่อไปร่วมชมการแข่งขัน ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนใช้ระบบพาสปอร์ตวัคซีนเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวในอนาคต
ตะวันออกกลางและแอฟริกา
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ยังคงปิดพรมแดนและจำกัดการเดินทางเข้าประเทศของนักเดินทางจากต่างชาติ โดยกรุงอาบูดาบียังบังคับใช้มาตรการกักตัวสำหรับผู้ที่กลับจากต่างประเทศ ไม่เว้นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ส่วนดูไบเปิดประตูรับนักเดินทางต่างชาติตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว แต่มีมาตรการป้องกัน เช่น จำเป็นต้องมีผลตรวจเชื้อเป็นลบก่อนเดินทาง
ซาอุดีอาระเบีย
ยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่เริ่มอนุญาตให้ประชาชนเดินทางไปต่างประเทศได้ตั้งแต่เดือนนี้ หากได้รับการฉีดวัคซีนแล้วหรือยืนยันได้ว่าหายจากการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว
อียิปต์
พยายามผ่อนคลายมาตรการเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งลดค่าธรรมเนียมวีซ่าท่องเที่ยว และลดมาตรการควบคุมสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งชายหาด ร้านกาแฟและร้านอาหาร แต่ยังจำเป็นต้องมีการตรวจเชื้อก่อนเดินทางเข้าประเทศ
ละตินอเมริกาและแคริบเบียน
บราซิล
เปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยว แต่จำเป็นต้องแสดงผลตรวจเชื้อ PCR ที่เป็นลบก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง และมีใบรับรองสุขภาพของนักเดินทางจากสายการบินก่อนขึ้นเครื่อง โดยต้อนรับนักท่องเที่ยวจากเกือบทุกประเทศ ยกเว้นสหราชอาณาจักร ให้พำนักอยู่ได้ 90 วัน
ส่วนการเดินทางเข้าประเทศทางเรือและทางบกถูกจำกัดสำหรับนักเดินทางที่ไม่ใช่พลเรือน ขณะที่การกักตัวจะใช้สำหรับนักเดินทางที่มีอาการและยินยอมรับการกักตัวเท่านั้น
เม็กซิโก
เปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่โดยไม่มีมาตรการจำกัดการเดินทาง นักเดินทางไม่จำเป็นต้องกักตัวหรือมีผลตรวจเชื้อก่อนเข้าประเทศ ท่ามกลางความพยายามฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่สถานการณ์ในหลายเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยเฉพาะเมืองชายหาดอย่างแคนคูนและโกซูเมล กำลังมีอัตราการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อพุ่งสูง จนทำให้ทางการท้องถิ่นต้องมีมาตรการจำกัดจำนวนคนในที่สาธารณะ
สหรัฐฯ
สหรัฐฯ ยังคงจำกัดการเดินทางเข้าประเทศ สำหรับนักเดินทางจากชาติยุโรปส่วนใหญ่ ตลอดจนจีน อินเดีย และบราซิล โดยผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ ไม่เว้นแม้แต่พลเรือนอเมริกัน จำเป็นต้องผ่านการตรวจเชื้อก่อนขึ้นเครื่อง ขณะที่ทางการสหรัฐฯ ยังคงปิดพรมแดนติดกับแคนาดา โดยอนุญาตเฉพาะนักเดินทางที่มีความจำเป็น
ภาพ: Photo by Karl-Josef Hildenbrand / picture alliance via Getty Images
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ
อ้างอิง:
- https://www.dw.com/en/which-eu-countries-accept-vaccinated-travelers/a-57808870
- https://www.channelnewsasia.com/news/world/travel-tourism-reopening-covid-19-pandemic-summer-2021-14894880
- https://www.euronews.com/travel/2021/06/16/what-s-the-latest-on-european-travel-restrictions
- https://www.exotravel.com/blog/en/asia-from-asia-vaccinations-reopening-plans-booking-recommendations/
- https://edition.cnn.com/travel/article/brazil-travel-covid-19/index.html
- https://www.scmp.com/news/china/diplomacy/article/3137095/open-business-trouble-bringing-down-chinas-coronavirus-travel