สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มสิ้นมนต์ขลังเสียแล้ว เมื่อผลการศึกษาสำรวจของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) พบว่า บรรดาธนาคารคารกลางในหลายประเทศทั่วโลกต่างลดสัดส่วนการถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ
โดยในรายงาน Currency Composition of Official Foreign Exchange Reserves (COFER) ซึ่งเป็นการสำรวจสกุลเงินต่างๆ ในฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศของ IMF ระบุว่า สัดส่วนทุนสำรองในรูปสกุลเงินดอลลาร์ที่ถือครองในธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกขณะนี้ลดลงมาอยู่ที่ 59% ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2020 นับเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 25 ปี
ข้อมูลจาก IMF ชี้แจงว่า สัดส่วนสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่บรรดาแบงก์ชาติถือครองในฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศลดลงเฉลี่ย 12% นับตั้งแต่ที่สกุลเงินยูโรเปิดตัวใช้งานอย่างเป็นทางการในปี 1999 โดยในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2020 สัดส่วนของสกุลเงินยูโร ในฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศ อยู่ที่ 20% ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์แคนาดา และเงินหยวนของจีน มีสัดส่วนเฉลี่ยอยู่ที่ 9%
ทั้งนี้ หากว่ากระแสความนิยมในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นไปในทิศทางดังกล่าว IMF คาดการณ์ว่า ความเคลื่อนไหวนี้จะสร้างผลกระทบในวงกว้างต่อตลาดการเงินและตลาดพันธบัตรในวงกว้างต่อไป
ด้านนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า การถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐในฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศแสดงให้เห็นอย่างหนึ่งว่า บทบาทของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ทรงอิทธิพลอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลกกำลังลดลง ท่ามกลางการแข่งขันของอีกหลายสกุลเงิน บวกกับได้แรงเสริมจากการที่ธนาคารกลางของหลายประเทศเทขายสกุลเงินดอลลาร์ออก เพื่อหันมาประคองสกุลเงินของประเทศตนเองในช่วงที่จำเป็นต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19 ระบาด
ขณะเดียวกันในมุมมองระยะยาว IMF ระบุว่า แม้ภาพรวมมูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ มากนัก แต่สัดส่วนการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดโลกที่ลดลง ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่า ธนาคารกลางทั้งหลายเริ่มมองหาทางเลือกอื่นสำหรับการเก็บทุนสำรองระหว่างประเทศนอกเหนือจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยที่กลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Market) และชาติกำลังพัฒนา จะก้าวเข้ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจาก IMF ให้เหตุผลว่า กลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่เหล่านี้กำลังมองหาทางเลือกในการเก็บทุนสำรองระหว่างประเทศ โดยมีบางประเทศ เช่น รัสเซีย ประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่าต้องการลดสัดส่วนการถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
นักวิเคราะห์อีกหลายคนยังคาดการณ์ว่า สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลงไปเรื่อยๆ เพราะได้รับผลกระทบจากความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อและปริมาณหนี้ที่กำลังปรับตัวเพิ่มขึ้น
นูเรียล รูบินี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Roubini Macro Associates และยังเป็นศาสตราจารย์ด้านธุรกิจเศรษฐกิจจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก อธิบายว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐต้องอ่อนค่าลงอย่างช่วยไม่ได้ อีกทั้งความนิยมในสกุลเงินดอลลาร์ลดลง เพราะสหรัฐฯ มักใช้เงินดอลลาร์เป็นเครื่องมือในการจัดการลงโทษประเทศที่เป็นคู่แข่งหรือปฏิปักษ์กับสหรัฐฯ อย่างรัสเซีย จีน และเกาหลีเหนือ เป็นต้น
ทั้งนี้ นอกจากจัดสัดส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศด้วยการไปถือครองสกุลเงินชาติอื่น ซึ่งหมายรวมถึงสกุลเงินของประเทศตนเองแล้ว ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ต่างหันไปเพิ่มการถือครองทุนสำรองระหว่างประเทศในรูปของทองคำเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ราคาทองคำในตลาดโลกขยับปรับตัวขึ้น
อ้างอิง: