จากกรณีที่เว็บไซต์ Coronavirus Vaccine Tracker ของสำนักข่าว The New York Times ระบุว่า วัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Pfizer และ Moderna ซึ่งเป็น Genetic vaccines ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน (Emergency Use) ในประเทศไทยแล้ว โดยอ้างอิงข่าวจากสำนักข่าว AP มาอีกทอดหนึ่งนั้น THE STANDARD ตรวจสอบพบว่า
- วันที่ 1 เมษายน 2564 สำนักข่าว AP นำเสนอข่าวเรื่องการลดวันกักกัน (Quarantine) เมื่อเดินทางมาจากต่างประเทศ โดยระบุว่า ธานี แสงรัตน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ผู้เดินทางชาวไทยและชาวต่างชาติไม่จำเป็นต้องแสดงใบรับรองสุขภาพ (Fit-to-Fly) แล้ว แต่ชาวต่างชาติต้องแสดงผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบอยู่
- ส่วนผู้ที่มีใบรับรองว่าได้รับวัคซีนครบแล้ว จะได้รับอนุญาตให้กักตัวในสถานกักกันโรค 7 วัน ซึ่งเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้คือ 14 วัน ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนจะต้องกักตัว 10 วัน ยกเว้นผู้ที่เดินทางมาจาก 11 ประเทศ ทั้งหมดอยู่ในภูมิภาคแอฟริกาใต้ทะเลทรายซาฮารา ซึ่งจะต้องกักตัวจนครบ 2 สัปดาห์ (เพราะมีการระบาดของสายพันธุ์ใหม่)
- โดยวัคซีนดังกล่าวจะต้องผ่านการรับรองโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (Thai FDA) และ/หรือองค์การอนามัยโลก ประเทศไทยให้การรับรองวัคซีน 7 บริษัท เช่น Sinovac, AstraZeneca, Johnson & Johnson, Pfizer และ Moderna (ยกตัวอย่างไม่ครบ 7 บริษัท) ทำให้สำนักข่าว The New York Times น่าจะนำประโยคสุดท้ายนี้ไปอ้างอิงต่อ
- แต่เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2564 เพจ Fda Thai ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เผยแพร่ข้อมูลวัคซีนโควิด-19 ที่ขึ้นทะเบียนในประเทศไทยว่า อย. อนุมัติแล้ว 3 ราย ได้แก่
- วัคซีน AZD1222 ของ AstraZeneca
- วัคซีน Coronavac ของ Sinovac
- วัคซีน JNJ-78436735 ของ Johnson & Johnson
- ในขณะที่อีก 3 รายยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่ วัคซีน mRNA-1273 ของ Moderna, วัคซีน Covaxin ของ Bharat Biotech และวัคซีน Sputnik V ซึ่งสังเกตว่าวัคซีน Pfizer-BioNTech ยังไม่ได้ยื่นขอขึ้นทะเบียน
- เมื่อตรวจสอบกับ ‘หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรไทยที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนกำหนด (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564) ระบุว่า วัคซีนต้อง ‘ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายของประเทศไทย หรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด’ (มี 3 กรณี) ซึ่งมีรายชื่อดังนี้
- วัคซีน CoronaVac ของ Sinovac
- วัคซีน AZD1222 ของ AstraZeneca
- วัคซีน AZD1222 ของ SK Bioscience
- วัคซีน BNT162b2 ของ Pfizer-BioNTech
- วัคซีน Covishield ของ Serum Institute of India
- วัคซีน Ad26.COV2.S ของ Janssen (Johnson&Johnson)
- วัคซีน mRNA-1273 ของ Moderna
- ซึ่งมี 7 บริษัทตรงกับที่สำนักข่าว AP อ้างถึงโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และต่อมาวันที่ 2 เมษายน 2564 กรมควบคุมโรคได้ปรับปรุงรายชื่อวัคซีนเพิ่มอีก 1 บริษัทคือ Sinopharm ของ Beijing Institute of Biological Products
- ดังนั้นวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับการอนุมัติในประเทศไทยในขณะนี้ (3 บริษัท) กับวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขรับรองให้สามารถลดวันกักตัวได้ (7-8 บริษัท) จึงไม่ตรงกันและน่าจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดในครั้งนี้
- แต่ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ที่ว่า ทำไมวัคซีน Pfizer ถึงยังไม่ยื่นจดทะเบียนในประเทศไทย ทั้งที่มีประสิทธิภาพสูงและหลายประเทศให้การยอมรับ
- ทั้งนี้ล่าสุด (29 เมษายน) ศบค. ได้ยกเลิก ‘การลดวันกักตัว’ ของผู้เดินทางมาจากต่างประเทศให้กลับมาเป็น 14 วันเหมือนเดิมทุกกรณี เนื่องจากความกังวลเรื่องการระบาดของสายพันธ์ุใหม่ทั้งในและต่างประเทศ
อ้างอิง:
- Coronavirus Vaccine Tracker https://www.nytimes.com/interactive/2020/science/coronavirus-vaccine-tracker.html
- Thailand reduces quarantine, paperwork for vaccinated https://apnews.com/article/thailand-asia-pacific-coronavirus-pandemic-coronavirus-vaccine
- เงื่อนไขการอนุญาตผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรไทยที่ได้รับวัคซีน ครบตามเกณฑ์ฯ https://www.mhesi.go.th/index.php/all-media/infographic/3407-19-9.html