Inditex บริษัทแม่ของ Zara, Massimo Dutti, Pull&Bear และ Bershka ออกมาเปิดเผยผลประกอบการในปี 2020 ซึ่งทำกำไรหายไปจากเดิมถึง 70% เมื่อเทียบกับปี 2019 เนื่องจากสถาณการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ร้านต้องปิดหลายสาขาทั่วโลก
ในปี 2020 นับว่าเป็นอีกปีที่พิษของวิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบไม่เว้นแม้แต่บริษัทฟาสต์แฟชั่นยักษ์ใหญ่ของโลกที่ปี 2020 ที่ผ่านมาทำกำไรไปทั้งสิ้นเพียง 1,100 ล้านยูโร หรือราว 40,000 ล้านบาท ลดจากปีก่อนหน้าที่ทำไว้ 3,600 ล้านยูโร 131,000 ล้านบาท โดยแบรนด์ที่ขายดีที่สุดยังคงเป็น Zara และ Zara Home รองลงมาคือ Stradivarius, Bershka และ Pull&Bear
การเปิดเผยรายงานครั้งนี้ทางบริษัทได้อธิบายถึงสาเหตุที่ยอดขายและกำไรลดลงอย่างมากว่า มาจากมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศทั่วโลก ถึงแม้ว่าบางประเทศได้กลับมาเปิดร้านตามปกติ แต่จนถึงตอนนี้ยังมีร้านค้าบางสาขาของบริษัทที่ยังต้องปิดอีกครั้งเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระลอกถัดมา ซึ่งมีสัดส่วนมากถึง 15% จากทั้งหมดกว่า 6,829 สาขาทั่วโลกตามตัวเลขล่าสุดในวันที่ 8 มีนาคม 2021
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีสัญญาณที่ดีจากฝั่งออนไลน์ที่มีการเติบโตสูงขึ้นถึง 77% จากปี 2019 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัททำการปรับกลยุทธองค์กรครั้งใหญ่ โดยเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว Inditex ประกาศว่าจะมีการปิดหน้าร้านมากถึง 1,000-1,200 สาขาทั่วโลกในปี 2022 เพื่อนำเงินมาลงทุนในแพลตฟอร์มออนไลน์ และการบริการด้านอีคอมเมิร์ซ
การดำเนินธุรกิจแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นในปี 2021 นี้อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องจับตาดูกันต่อไป หลังจากเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามูลค่าตามราคาตลาดบริษัท Fast Retailing บริษัทแม่ของ Uniqlo ได้แซงหน้า Inditex เป็นครั้งแรกอยู่ที่ 103,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3 ล้านล้านบาท กลายเป็นบริษัทฟาสต์แฟชั่นที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก
ภาพ: Getty Images
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- https://www.businessoffashion.com/amp/articles/news-analysis/inditexs-net-profit-falls-70-as-pandemic-keeps-many-shops-closed
- https://www.businessoffashion.com/news/retail/uniqlo-outpaces-zara-as-the-worlds-most-valuable-apparel-brand\
- https://www.inditex.com/investors/investor-relations/results-and-presentations