ชอนยอบิน คือนักแสดงสาวที่นำแสดงเคียงคู่ ซงจุงกิ ในซีรีส์ Vincenzo ที่เกี่ยวกับแวดวงศาลและการพิพากษา ซึ่งแม้ว่าในเรื่อง วินเซนโซ กาซาโน (รับบทโดย ซงจุงกิ) จะอยู่ในฝ่ายของทนายมาเฟียที่ลูกล่อลูกชนแพรวพราว แต่ยังยืนอยู่ข้างความถูกต้อง ขณะที่ ฮงชายอง (รับบทโดย ชอนยอบิน) กลับยอมทำงานให้กับบริษัททนายความยักษ์ใหญ่ที่มีลูกค้าอันดับหนึ่งคือเครือบริษัทบาเบล ที่ว่ากันว่าเป็นธุรกิจกินรวบสีเทาที่มีการทำผิดกฎหมายมากมาย

“อีกฝ่ายมีทั้งรถถัง รถหุ้มเกราะ คุณมีแค่หิน 200 ก้อน จะไปสู้อะไรได้
กลับไปอิตาลี แล้วไปต่อสู้กับศัตรูแบบที่คุณคุ้นเคยเถอะค่ะ ที่นี่ไม่เหมาะกับคุณทนายหรอก” 

“ที่อิตาลีมีแต่พวกมาเฟียที่ทำนิสัยมาเฟียใช่ไหมคะ แต่ที่เกาหลีทุกคนต่างอยู่ในแก๊งมาเฟียของตัวเองค่ะ ทั้งรัฐสภา อัยการ ตำรวจ สำนักงานราชการ บริษัทต่างๆ ทั้งหมดค่ะ ไม่ว่าคุณทนายจะต่อสู้กับใคร ก็พูดง่ายๆ ได้ว่าจะต้องเหนื่อยลากไส้เลยล่ะ ทำไมน่ะเหรอคะ เพราะที่นี่คือสาธารณรัฐเกาหลี”

ฮงชายองพูดประโยคนี้ขึ้นมา ซึ่งเป็นสิ่งสะท้อนความคิดตัวละครในโลกที่เงินทองและอำนาจชี้เป็นชี้ตายสังคมได้ การที่ใครสักคนลุกขึ้นมาต่อสู้ เธอมองว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นการทำตามน้ำ หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองให้มากเข้าไว้ น่าจะเป็นทางออกที่ง่ายและเป็นไปได้ที่สุด แต่แม้จะเลือกเดินทางสีเทา ฮงชายองก็ยังเป็นห่วงเป็นใยพ่อแท้ๆ ที่เป็นทนายทำดีเพื่อเพื่อนมนุษย์ เพราะส่วนหนึ่งในตัวเธอ เหตุผลที่มาเป็นทนายก็เพราะมองเห็นสิ่งที่พ่อพยายามทำ

ชอนยอบินพูดถึงคาแรกเตอร์ฮงชายองในซีรีส์ Vincenzo ไว้ว่า “ฮงชายองเป็นทนายตัวท็อปของบริษัทกฎหมายที่เกาหลี ไม่สนใจว่าอะไร ‘ดี’ หรือ ‘ไม่ดี’ แต่สนใจว่าทำแล้วตัวเองจะได้กำไรอะไร มองแต่ส่วนได้ส่วนเสีย เป็นคนที่วิ่งเข้าหาผลประโยชน์ของตัวเอง

“ทุกตอนของซีรีส์ไม่สามารถคาดเดาได้ ดำเนินเรื่องไปแบบรวดเร็วและมีรายละเอียดเยอะ ตัวละครเต็มไปด้วยชีวิตชีวา  แต่ในบรรดาตัวละครเหล่านั้น ฮงชายองเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก ฉันรู้ทันทีเลยว่าอยากแสดงเป็นเธอให้ได้ เป็นเสน่ห์ที่โดดเด่นและสัมผัสได้จากตัวบท”

การแสดงของชอนยอบินในซีรีส์ Vincenzo โดดเด่นและมีเสน่ห์อย่างที่เธอให้สัมภาษณ์ไว้จริงๆ ในสถานการณ์ที่ต้องการความจริงจัง เป็นมืออาชีพ ดวงตาและสีหน้าก็ถ่ายทอดความรู้สึกแบบนั้น ในบางขณะที่เป็นตัวของตัวเอง ชอนยอบินก็ทำให้เราเห็นว่าตัวละครนี้มีมุมที่โก๊ะๆ ชอบหลงทิศ ชอบพูดกับตัวเอง และมีท่าทางตลกๆ ที่จัดอยู่ในกลุ่มนางเอกไม่มีฟอร์ม ซึ่งเราไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยนัก

ความน่าสนใจคือชอนยอบินเพิ่งเริ่มงานแสดงในปี 2015 นี่เอง และนี่คือเส้นทางการแสดงของเธอ

ชอนยอบินเริ่มสนใจงานแสดงในชั้นเรียนวิชาวิทยุโทรทัศน์ที่มหาวิทยาลัยทงกุก ก่อนจะเป็นนักแสดงในภาพยนตร์สั้น The Best Director (2015) จนผลงานไปเข้าตาผู้กำกับ มุนโซรี และได้เป็นนักแสดงสมทบในภาพยนตร์ดราม่าย้อนยุค The Treacherous ในปีเดียวกัน และมีผลงานภาพยนตร์ต่อเนื่องหลังจากนั้น 

ในปี 2017 ชอนยอบินรับบทเป็นนักข่าวใน Save Me ซีรีส์ทริลเลอร์ที่สร้างชื่อให้เธอ ตามมาด้วยซีรีส์ Be Melodramatic (2019) ที่การแสดงฉายแววอย่างโดดเด่น ชอนยอบินรับบทเป็น อึนจอง ผู้กำกับสารคดี หนึ่งในเพื่อนสาวสามคนที่เป็นตัวละครหลัก และการรับบทอึนจองทำให้ชอนยอบินได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Baeksang Arts Awards ครั้งที่ 56 สาขานักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม

ปี 2020 ชอนยอบินมีผลงานภาพยนตร์ Secret Zoo ที่ทำให้เราได้เห็นมุมน่ารักๆ ตลกๆ กับบทเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ คิมแฮคยอง ที่ต้องปลอมตัวเป็นสลอธยักษ์ ส่วนในปีนี้เธอพลิกกลับไปสู่บทบาทสุดดราม่าในภาพยนตร์ Night in Paradise (2020) ที่กำกับโดย พัคฮุนจุง และได้รับคำชมอย่างกว้างขวางเมื่อฉายเปิดตัวที่เทศกาลภาพยนตร์เวนิส ครั้งที่ 77 

ตัวอย่างภาพยนตร์ Night in Paradise

ซีรีส์ Be Melodramatic (2019)

ภาพยนตร์ Secret Zoo (2020)

ชอนยอบินเป็นนักแสดงคนแรกที่ถูกแคสต์ในซีรีส์ Vincenzo

คิมฮีวอน ผู้กำกับ Vincenzo (The Crowned Clown, Money Flower, The Fiery Priest, Good Manager, Good Doctor) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการแคสต์ชอนยอบินมาเป็นนักแสดงคนแรกของเรื่อง ก่อนที่จะแคสต์ซงจุงกิและอ๊กแทคยอน

“ฉันเห็นเธอในซีรีส์ Be Melodramatic และภาพยนตร์หลายเรื่องก่อนหน้านี้ ฉันคิดว่าเธอเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์เลยค่ะ ตอนที่เราพบกันครั้งแรก เราได้คุยกันนิดหน่อย ฉันรู้สึกได้เลยว่าการแสดงของเธอออกมาจากใจจริงๆ มีหลายโมเมนต์มากนะคะที่คุณต้องปล่อยตัวเองเพื่อการแสดงคอเมดี้ แต่ชอนยอบินเป็นคนที่ทิ้งทุกอย่าง ไม่เหลือฟอร์ม ไม่เหลืออะไร แล้วเข้าถึงการแสดงด้วยความคิดที่บริสุทธิ์”

ส่วนชอนยอบินเองก็พูดถึงการตีความตัวละครฮงชายองเอาไว้ว่า “เธอเป็นคนที่ซื่อสัตย์กับความต้องการของตัวเอง จนบางทีถ้ามองในมุมของศีลธรรม ภาพของฮงชายองที่ไม่รู้สึกอายอะไรเลยอาจจะดูไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ในกระบวนการที่ฮงชายองวิ่งเข้าหาความปรารถนาของตัวเองก็เป็นอะไรที่สนุก ความตรงไปตรงมาของฮงชายองที่ต่างจากตัวฉัน ชอนยอบินที่ตรงไปตรงมาน้อยกว่าเธอ ฮงชายองเป็นผู้หญิงแบบที่คุณจะไม่เคยได้พบมาก่อน เป็นตัวละครที่คุ้มค่ากับการชมแน่นอนค่ะ”

ชอนยอบิน กับ ฮงชายอง ความเหมือนและความแตกต่าง

“จุดที่คล้ายกันระหว่างฉันกับตัวละครคือแพสชันและความรักที่มีให้กับงานของตัวเอง แล้วก็มีความกระหายที่อยู่ลึกๆ ในใจ เอาสิ่งนั้นมาเป็นพลังในการใช้ชีวิต 

“แต่ว่าวิธีการแสดงออกและปลดปล่อยออกมาของเราต่างกันโดยสิ้นเชิง ตอนแสดงเป็นฮงชายอง บางทีก็รู้สึกเติมเต็มบางอย่าง เช่น ชีวิตฉันเต็มเปี่ยมมากขึ้น ได้ลองเดินไปในเส้นทางที่ไม่เคยเดินมาก่อน ซึ่งมันสนุกมากๆ

“ส่วนที่แตกต่างกันพอสมควรก็คือฮงชายองเป็นทนายที่หมกมุ่นกับการเอาชนะ สำหรับฉันแล้ว คำขยายความของตัวละครนี้ที่ว่า ‘หมกมุ่นกับการเอาชนะ’ สำคัญกับฉันมากกว่าจุดที่ว่าเธอเป็นทนาย ทำไมคนถึงอธิบายถึงเธอแบบนั้น จริงๆ แล้วสิ่งนี้เป็นจุดที่ต่างกับตัวฉันค่อนข้างมาก 

“ฉันไม่ค่อยชอบการแข่งขันเท่าไร อยากจะเจอกันที่เส้นตรงกลางมากกว่า รอบนี้เธอชนะ รอบหน้าฉันชนะแล้วกัน

“ฮงชายองเป็นคนที่ต่างกับฉันมาก ฉันก็เลยอยากหาตัวตนของเธอให้เจอ การพูดเร็วๆ ท่าทางการพูด การเดิน การแสดงสีหน้าว่าโดยละเอียดแล้วเป็นอย่างไร ลักษณะความรวดเร็วในตัวของเธอมันมาจากอะไร ฉันโฟกัสตรงนั้นและสร้างตัวละครขึ้นมา”

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล