จากการที่ในปีนี้ทางแสนสิริได้ให้ความสำคัญกับ Waste Management ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของ Sansiri Sustainability 2020 ร่วมกับพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ทุกบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ในเครือแสนสิริ เพื่อส่งเสริมการจัดการขยะอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน โดยครอบคลุมตั้งแต่ที่อยู่อาศัย พื้นที่ส่วนกลาง ไซต์ก่อสร้าง ไปจนถึงออฟฟิศของแสนสิริ เพื่อลดปริมาณขยะที่จะไปสู่ Landfill ให้น้อยที่สุด
ปี 2020 แสนสิริเดินหน้าคัดแยกรีไซเคิลอย่างจริงจังตั้งแต่ต้นทาง ภายใต้แคมเปญ ‘Sansiri Waste to Worth’ และได้ร่วมมือกันกับกลุ่มธุรกิจอย่าง บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด, บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด จัดทำโครงการ ‘โค้กขอคืน x Sansiri Waste to Worth’ เพื่อนำเอาวิสัยทัศน์ระดับโลกอย่าง World Without Waste เข้าสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ไทย
โครงการ ‘โค้กขอคืน x Sansiri Waste to Worth’ ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ เป็นการสานต่อจากแนวคิดของโครงการ ‘โค้กขอคืน’ โดยมีแนวคิดพื้นฐานมาจากผลการทดลองทางเศรษฐศาสตร์เพื่อสร้างพฤติกรรมการแยกขยะ ด้วยแนวคิดการสะกิด ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างโคคา-โคลา แสนสิริ และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่พบ 2 เงื่อนไขสำคัญในการช่วยส่งเสริมให้คนไทยแยกขยะได้สำเร็จคือ การขจัด ‘ความยุ่ง’ และ ‘ความยาก’
ดังนั้น การทำงานของโครงการ ‘โค้กขอคืน x Sansiri Waste to Worth’ จึงเป็นกระบวนการการจัดการวัสดุรีไซเคิลอย่างยั่งยืนในที่อยู่อาศัยและพื้นที่ส่วนกลางของแสนสิริ โดยจะเก็บรวบรวมและนำส่งบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม รวมถึงวัสดุรีไซเคิลอื่นๆ ใน 6 โครงการที่อยู่อาศัยของ T77 Community รวมลูกบ้าน 4,027 ครัวเรือน เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างเหมาะสม
พรวุฒิ สารสิน ประธานกรรมการ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด กล่าวว่า “หนึ่งในเป้าหมายหลักของโคคา-โคลา ภายใต้วิสัยทัศน์ระดับโลก World Without Waste คือ การจัดเก็บบรรจุภัณฑ์เพื่อนำกลับมารีไซเคิลในปริมาณเทียบเท่ากับปริมาณบรรจุภัณฑ์ที่จำหน่ายออกสู่ตลาดให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ก่อนปี 2573 และเพื่อจะบรรลุเป้าหมายที่ท้าทายดังกล่าว กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา จึงต้องอาศัยความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีเป้าหมายสอดคล้องกัน และแสนสิริก็ถือเป็นพันธมิตรที่เห็นความสำคัญของการร่วมกันผลักดันให้เกิดการแยกขยะที่ต้นทาง ตั้งแต่ภายในที่อยู่อาศัย อันเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดปริมาณขยะ และนำวัสดุที่รีไซเคิลได้กลับมารีไซเคิลให้ได้มากที่สุด และเพื่อเป็นการลด ‘ความยุ่ง’ และ ‘ความยาก’ อันเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การแยกขยะที่ต้นทางไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร โคคา-โคลา จึงได้เชิญสตาร์ตอัพแพลตฟอร์มการจัดเก็บขยะสมัยใหม่อย่าง GEPP เข้ามาช่วยดูแล เพื่อให้โครงการนี้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและประสบผลสำเร็จ”
GEPP จะเข้ามาทำงานร่วมกับแสนสิริ ผ่านกระบวนการ Survey-Simplify-Educate โดย GEPP ทำหน้าที่สำรวจ เพื่อประเมินความรู้และความเข้าใจของลูกบ้านเกี่ยวกับการแยกขยะที่ถูกต้อง ส่วนทางแสนสิริจะปรับเปลี่ยนชุดถังขยะที่ปรับปรุงตามผลการทดลองทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อสร้างพฤติกรรมการแยกขยะด้วยแนวคิดการสะกิด (Nudge) พร้อมร่วมมือกับพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อกระตุ้นและให้ความรู้ด้านการจัดการขยะไปสู่ลูกบ้าน
นอกจากนี้ GEPP ยังทำหน้าที่ในการให้ความรู้กับพนักงานและเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการและแยกขยะ รวมถึงแนวทางและข้อมูลการสื่อสารเพื่อให้ความรู้กับลูกบ้าน ตลอดจนประสานงานและจัดตารางการจัดเก็บขยะ พร้อมเก็บรวบรวมข้อมูลการคัดแยกขยะในแต่ละพื้นที่โครงการ เพื่อพัฒนาการจัดเก็บให้เป็นระบบมากขึ้น อีกทั้งยังมีมาตรฐานเพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้กับโครงการที่อยู่อาศัยอื่นๆ ของแสนสิริได้ในอนาคต
ด้านอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับวิสัยทัศน์ที่มุ่งผลักดันและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยในด้านความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม จาก Sansiri Green Mission สู่ Sansiri Sustainability 2020 โดยมี Sansiri Waste to Worth เป็นแคมเปญหลักภายใต้พันธกิจ Waste Management นอกจากโคคา-โคลา ในฐานะพันธมิตรหลัก และ GEPP ในฐานะที่ปรึกษาโครงการ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นลูกบ้านและนิติบุคคลให้มีความรู้ความเข้าใจในการจัดการวัสดุรีไซเคิลผ่านสื่อและแคมเปญต่างๆ เพื่อส่งเสริมการแยกขยะตั้งแต่ต้นทางกับลูกบ้าน ตลอดจนพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อลดปริมาณวัสดุรีไซเคิลไปสู่ Landfill ให้น้อยที่สุด
ทั้งนี้ แสนสิริเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จนี้ไปยังโครงการที่อยู่อาศัยอื่นๆ รวม 100 โครงการ และตั้งเป้านำวัสดุรีไซเคิล 1 แสนกิโลกรัม เข้าสู่กระบวนการจัดการรีไซเคิลอย่างเหมาะสมภายในปี 2563 สะท้อนความมุ่งมั่นของแสนสิริในการเป็นต้นแบบการแยกขยะอย่างยั่งยืนของวงการอสังหาริมทรัพย์ และขยายผลต่อไปยังอุตสาหกรรมไทยในวงกว้าง
แคมเปญ ‘Sansiri Waste to Worth’ ที่เกิดจากความร่วมมือครั้งสำคัญของแสนสิริและกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา สามารถนำส่งวัสดุรีไซเคิลเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลไปเกือบ 2 แสนกิโลกรัม ใน 138 โครงการ สะท้อนให้เห็นได้ว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่พร้อมจะมีส่วนช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ด้วยการเริ่มแยกขยะที่ต้นทางภายในที่อยู่อาศัย ซึ่งสองบริษัทหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยให้ความสำคัญกับการแยกขยะตั้งแต่ต้นทางอย่างถูกต้องและต่อเนื่อง และไม่ใช่แค่เพียงกลุ่มลูกบ้านของแสนสิริเท่านั้น แต่รวมถึงประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นการส่งเสริมการนำวัสดุรีไซเคิลกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างเหมาะสม นำไปสู่หนทางลดปริมาณขยะอย่างยั่งยืน
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล