สำหรับหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นจะริเข้ามาลงทุนทางการเงินในตลาด ย่อมอดรู้สึกสับสนและหวาดวิตกไม่น้อย สับสนเพราะขณะนี้มีคำแนะนำจากสารพัดกูรูเชี่ยวชาญอยู่มากมาย และหวาดวิตกเพราะการตัดสินใจลงทุนในวันนี้จะส่งผลต่ออนาคตในระยะยาว
Rob Berger ที่ปรึกษาอาวุโสทางการเงินส่วนบุคคล ระบุว่า ถ้าจะฟังคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เช่นนั้นก็ต้องฟังและทำตามผู้เชี่ยวชาญที่อยู่แถวหน้าสุดของวงการ ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกอย่างไร้ความกังขาอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนชาวสหรัฐฯ
สำหรับเคล็ดลับกลยุทธ์การลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งฉบับบัฟเฟตต์ แบ่งออกได้เป็น 3 แนวทางหลักด้วยกัน
แนวทางแรกก็คือ การจัดพอร์ตลงทุนด้วย 2 กองทุนหลัก คือพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น ไม่เกิน 10% ของเงินลงทุน ส่วนอีก 90% ที่เหลือให้ลงทุนในกองทุนรวมดัชนีราคาไม่แรงในตลาด S&P 500
แนวทางที่สอง คือการจัดพอร์ตลงทุนด้วย 3 กองทุนหลัก โดยการแบ่งเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ 3 ประเภท ได้แก่ หุ้นในประเทศ หุ้นต่างประเทศ และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมือใหม่ที่ยังกล้าๆ กลัวๆ อาจเริ่มต้นด้วยการลงทุนในกองทุนรวมไปก่อน
ด้านแนวทางที่สามคือ การลงทุนใน Target Date Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในระยะยาวเพื่อการเกษียณอายุ โดยผู้ลงทุนจะกำหนดช่วงปีที่จะครบกำหนดการลงทุน ซึ่งมักจะเป็นปีที่ผู้ลงทุนนั้นเกษียณอายุ และเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดในการเพิ่มความหลากหลายให้กับพอร์ตการลงทุนของตนเอง
อีกทั้งการลงทุนในกองทุนเพื่อการเกษียณนี้ไม่มีความจำเป็นต้องปรับสัดส่วนสินทรัพย์การลงทุนให้วุ่นวาย เนื่องจากตัวกองทุนจะปรับสัดส่วนระหว่างหุ้นและพันธบัตรให้เหมาะสม ขณะที่นักลงทุนเข้าใกล้วัยเกษียณมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แนวทางการลงทุนข้างต้นคือทางเลือกสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ และใช้ได้ผลดีกับนักลงทุนที่มีเป้าหมายเพื่อการลงทุนใยระยะยาว ซึ่งนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มความหลากหลาย เช่น ลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี ลงทุนเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น ก็จำเป็นต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม หรือแม้กระทั่งลงทุนเพื่อเกษียณ ก็ยังมีเรื่องที่ต้องถามตัวเองต่อไปว่าจะเปิดบัญชีแบบไหน ที่ไหน และจะลงทุนเท่าไรดี
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
