เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ เจ้าของสินค้า Luxury Brand กลายเป็นมหาเศรษฐีทันทีที่มีการประกาศค้นพบวัคซีนที่ได้รับผลการทดสอบเชิงบวกสูงเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงหุ้น LVMH ของเขาด้วย
การจัดอันดับความมั่งคั่งล่าสุดของ Bloomberg พบว่า อาร์โนลต์ เจ้าของธุรกิจแบรนด์หรู ได้กลายเป็นมหาเศรษฐี เทียบเคียงกับ เจฟฟ์ เบโซส์, บิล เกตส์, มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก and อีลอน มัสก์ ซึ่งเป็นกลุ่ม 5 คนผู้มีความมั่งคั่งเกิน 1 แสนล้านดอลลาร์ ความมั่งคั่งของกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นโดยรวม 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ยอดขายสินค้าแบรนด์เนมยังพุ่ง ‘สวนกระแสเศรษฐกิจ’
- ราคานาฬิกาหรูในตลาดมือสองกำลังปรับตัวลดลง และอาจจะไม่หยุดลงง่ายๆ
- ชี้เป้า ‘7 รุ่นกระเป๋าแบรนด์เนม’ ที่น่าสนใจ ซื้อไว้ใช้ก็ได้ เก็บไว้ลงทุนก็ดี
ในปี 2020 นับเป็นปีที่มีความวุ่นวายและเกิดวิกฤตขึ้นมาก และกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูงก็ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก โดยการจากสำรวจความมั่งคั่งครั้งนี้ พบว่ามูลค่าเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ จากเดือนมกราคม 2020 เพิ่มขึ้น 21% จากราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้น สภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น และการใช้ประโยชน์จากการประเมินมูลค่าที่ตกต่ำ
ทั้งนี้ เมื่อ 2 ปีก่อนมีเพียงเบโซส์ ผู้ก่อตั้ง Amazon.com Inc. ที่ได้รับการจัดอันดับเป็นมหาเศรษฐีตามการประเมินมูลค่าราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตอนนี้เกือบจะเป็นเศรษฐีร้อยล้าน 2 ครั้งติดต่อกันแล้ว แม้จะมีการหย่าร้าง ซึ่งส่งผลให้เขายกหุ้น Amazon หลายล้านหุ้นให้กับอดีตภรรยา แม็คเคนซี สกอตต์
Bloomberg เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดในดัชนี Bloomberg เมื่อต้นสัปดาห์ (9 พฤศจิกายน 2020 ตามเวลาสหรัฐฯ) คือผู้ประกอบการค้าปลีกชาวสเปน ‘อามันซิโอ ออร์เตกา’ ผู้ก่อตั้ง Inditex SA ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Zara โดยมูลค่าความมั่งคั่งสุทธิของเขาเพิ่มสูงขึ้น 7.6 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังถึงการจับจ่ายใช้สอยภายในร้านที่น่าจะกลับเป็นปกติเร็วๆ นี้
ครั้งหนึ่ง ออร์เตกาเคยเป็นบุคคลที่ร่ำรวยอันดับ 2 ของโลก แต่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นเมื่อวันจันทร์ ทดแทนการสูญเสียความมั่งคั่งไปได้ครึ่งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกมหาเศรษฐีจะมีวันที่ดี ยังมีกลุ่มเจ้าของกิจการอีกมากที่ความมั่งคั่งหดหายไป หลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากตลาดประเมินว่า ผลประกอบการสุทธิของกิจการเหล่านี้จะลดลงอย่างมาก เมื่อไม่ได้มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการประชุมออนไลน์หรือธุรกิจบันเทิงภายในบ้าน
โดยอีริก หยวน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Zoom Video Communications Inc. ระบุว่า มูลค่าสุทธิลดลง 20% หรือ 5.1 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากหุ้นปรับลดลง เช่นเดียวกับ John Foley ผู้ก่อตั้ง Peloton Interactive Inc. ผู้ให้บริการฟิตเนสในบ้าน ซึ่งเพิ่งกลายเป็นมหาเศรษฐีในปีนี้ ที่สูญความมั่งคั่งราว 300 ล้านดอลลาร์
ภาพประกอบ: ธิดามาศ เขียวเหลือ
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล