บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA ระบุเงินลงทุนต่างชาติยังไหลเข้าไทย แม้เกิดโควิด-19 และสงครามการค้า เนื่องจากประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีและเหมาะกับการปักฐานการผลิตและสร้างซัพพลายเชน เผย 4 อุตสาหกรรมที่เงินทุนไหลเข้าไทยต่อเนื่องคือ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ คอนซูเมอร์ และเฮลธ์แคร์
จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ (FDI) ในประเทศไทยยังมีทิศทางที่ดี ความต้องการเข้ามาลงทุนโดยตรงในประเทศยังเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าจะได้รับแรงกดดันจากปัจจัยเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม
“ปัจจัยที่กระทบในเรื่องของ FDI ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น ตัวเลขการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ รวมถึงการเคลื่อนย้ายของเงินทุนได้รับแรงกดดันมาตั้งแต่เรื่อง Trade War และล่าสุดก็ได้รับแรงกดันจากโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายการลงทุนเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มขึ้น”
จรีพร กล่าวเพิ่มว่า ตั้งแต่เกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ตลอดจนเหตุการณ์โควิด-19 เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเกิดการเคลื่อนย้าย และมีการย้ายฐานทุนออกจากประเทศจีนไปสู่ประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทย เนื่องจากต้นทุนในประเทศจีนเริ่มสูง และนักลงทุนทั่วโลกล้วนต้องการบริหารจัดการความเสี่ยง เพราะการที่ซัพพลายเชนกระจุกตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่งจะกลายเป็นความเสี่ยง ทั้งนี้ นักลงทุนจากจีนก็ขยายการลงทุนมาในประเทศไทยเช่นกัน
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมหลักๆ ที่พบสัญญาณย้ายฐานทุนมาไทยคือ
- ชิ้นส่วนยานยนต์ โดยปัจจุบันมีซัพพลายเชนกลุ่มยานยนต์ในประเทศไทยกว่า 300 แห่ง
- อิเล็กทรอนิกส์ โดยเริ่มเห็นสัญญาณมาตั้งแต่ปีที่แล้ว จากนักลงทุนจีน ไต้หวัน และฮ่องกง เกิดการเคลื่อนย้ายมาสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์ไฮเอนด์
- กลุ่มคอนซูเมอร์ โดยนักลงทุนต่างชาติต้องการใช้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตสำหรับขายในประเทศไทย และส่งออกไปทั่วภูมิภาค
- กลุ่มเฮลธ์แคร์ เป็นอีกกลุ่มที่เริ่มส่งสัญญาณย้ายฐานทุนมาในประเทศไทย
“ปัจจัยทางการเมืองไม่ได้กระทบกับความต้องการลงทุนของเงินทุนต่างชาติ เนื่องจากนักลงทุนจะมองระยะยาวมากกว่า และประเทศไทยเองก็อยู่ในโลเคชันที่เหมาะสมที่สุดในภูมิภาค เหมาะกับการย้ายมาทั้งซัพพลายเชน อีกทั้งยังมีความปลอดภัยในด้านความเป็นอยู่และสิ่งแวดล้อม เมื่อเร็วๆ นี้ได้คุยกับเจโทร นักลงทุนญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้กังวลเรื่องปัจจัยทางการเมือง สิ่งที่เขาติดตามอยู่คือเมื่อไรจะเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยได้สะดวก”
HREIT เพิ่มทุน ดันทรัพย์สินรวมเกินหมื่นล้าน
จรีพร กล่าวในฐานะประธานกรรมการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทรัสต์ของ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) ภายใต้ WHA Group ว่า กองทรัสต์ HREIT อยู่ระหว่างเตรียมการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 โดยจะทำการลงทุนในทรัพย์สินมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,337.70 ล้านบาท ในพื้นที่ 5 โครงการ โดยเป็นการลงทุนในพื้นที่เช่าโรงงานและคลังสินค้ารวม 48,127 ตารางเมตรโดยเป็นทรัพย์สินของ 3 บริษัท ได้แก่
- บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (สำหรับบางส่วนของโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 1 (WHA CIE 1))
- บริษัท ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด อินดัสเตรียลเอสเตท จำกัด (สำหรับโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 (WHA ESIE 1) และ โครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 2 (WHA LP 2))
- บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล บิวดิ้ง จำกัด (สำหรับบางส่วนของโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 1 (WHA CIE 1) โครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 4 (WHALP 4) และโครงการเขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ สระบุรี (WHA SIL))
ภายหลังจากการลงทุนในทรัพย์สิน ประมาณการสินทรัพย์รวมของกองทรัสต์ HREIT จะเพิ่มขึ้นเป็น 11,250.94 ล้านบาท จากปัจจุบันกองทรัสต์มีมูลค่าสินทรัพย์รวมอยู่ที่ประมาณ 9,913.24 ล้านบาท
และภายหลังจากที่กองทรัสต์ HREIT มีการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม ผู้ถือหน่วยทรัสต์จะได้รับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลและเงินลดทุน (Total Distribution Yield) เพิ่มขึ้น โดยได้มีการประมาณการการจ่ายประโยชน์ตอบแทนและเงินลดทุนต่อหน่วย จำนวน 0.69 บาท ประกอบกับศักยภาพของทรัพย์สินที่กองทรัสต์ HREIT เข้าไปลงทุนมีความโดดเด่นเรื่องอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ในระดับสูง ทำเลที่ตั้งของทรัพย์สินที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ และศักยภาพของผู้เช่า ผู้ถือหน่วยทรัสต์จะได้รับผลตอบแทนที่มีความมั่นคงและต่อเนื่องในระยะยาว
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์