วันนี้ (14 ตุลาคม) จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในแถบยุโรป กลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ตกลงแบ่งกลุ่มประเทศเป็นแถบสีตามสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศนั้นๆ เพื่อให้พลเมืองชาวยุโรปเข้าใจและง่ายต่อการตัดสินใจในการเดินทาง ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายและติดโควิด-19
ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของยุโรป (ECDC) ระบุว่า จะแบ่งประเทศออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละแถบสี ซึ่งประเทศที่มีแถบสีแดง จะมีความเสี่ยงสูงในการติดโควิด-19 ขณะที่กลุ่มประเทศแถบสีส้ม ความเสี่ยงจะอยู่ที่ระดับปานกลาง โดยพลเมืองจากทั้ง 2 กลุ่มนี้ ต้องกลับมากักตัวอย่างน้อย 14 วัน โดยบางประเทศจำเป็นต้องมีผลตรวจยืนยันการไม่ติดเชื้อล่วงหน้าก่อนเดินทางถึงอีกด้วย ขณะที่กลุ่มประเทศแถบสีเขียวคือ มีความเสี่ยงต่ำ ไม่มีข้อจำกัดใดๆ ในการเดินทางไปยังประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรป
โดยประเทศสมาชิกที่ต้องการจะเพิ่มข้อจำกัดในการเดินทาง รวมถึงแจ้งรายละเอียดสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศจำเป็นต้องแจ้ง ECDC อย่างน้อย 48 ชั่วโมง อีกทั้งพลเมืองและกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในพื้นที่จะต้องทราบการประกาศใช้มาตรการคุมเข้มก่อนล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ทั้งนี้การเสนอแนะและข้อตกลงดังกล่าวไม่มีผลผูกพันตามกฎหมาย การนำไปปฏิบัติขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศสมาชิก
การแพร่ระบาดกำลังจะก้าวเข้าสู่เดือนที่ 10 ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 38 ล้านรายแล้ว (38,033,287 ราย) รักษาหายกว่า 28.8 ล้านราย (28,841,225 ราย) หรือคิดเป็นราว 75% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด เสียชีวิตแล้ว 1,084,364 ราย อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ราว 2.8%
ล่าสุด สหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 7,854,917 ราย เสียชีวิตแล้ว 215,861 ราย ตามมาด้วยอินเดีย (7,175,880 ราย) บราซิล (5,103,408 ราย) รัสเซีย (1,318,783 ราย) และโคลอมเบีย (924,098 ราย) พบผู้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 182 จาก 193 ประเทศทั่วโลก