สถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาดทั่วโลก (16 ส.ค. 2563)

ทางการฝรั่งเศสประกาศให้กรุงปารีสและเมืองมาร์กเซยเป็นพื้นที่มีความเสี่ยงสูงที่จะติดโควิด-19 หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้น ติดเชื้อเกิน 2,500 รายติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ซึ่งล่าสุดเพิ่มสูงขึ้นถึง 3,310 รายภายในวันเดียว มากที่สุดในรอบกว่า 2 เดือนครึ่ง ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา

โดยทางการฝรั่งเศสเตรียมใช้มาตรการคุมเข้มให้สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ทำงาน หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดดูมีทีท่าจะกลับมาระบาดขึ้นอีกระลอก เบื้องต้นมีคลัสเตอร์ที่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบการระบาดของเชื้อโควิด-19 เพิ่มจาก 17 เป็น 252 แห่งทั่วประเทศ 

ล่าสุด ฝรั่งเศสมีผู้ติดเชื้อสะสม 215,521 ราย เสียชีวิตแล้ว 30,409 ราย โดยแคว้นที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดในประเทศคือ อีล เดอ ฟร็องส์ (40,250 ราย) ตามมาด้วยแคว้นกร็องแต็สต์ (17,106 ราย) และแคว้นโอแวร์ญ-โรนาลป์ (10,249 ราย) โดยทางการตรวจหาเชื้อไปแล้วราว 6 ล้านตัวอย่าง

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านมาแล้วถึง 7 เดือนครึ่ง ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อสะสมแตะ 21.6 ล้านรายแล้ว (21,601,847 ราย) รักษาหายกว่า 14.3 ล้านราย (14,322,777 ราย) หรือคิดเป็นเกือบ 2 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด เสียชีวิตแล้ว 768,667 ราย อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ราว 3.6% โดยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเกินวันละ 1 แสนรายติดต่อกันนานถึง 81 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา

สหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศที่พบผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดในโลก (5,529,789 ราย) ตามมาด้วยบราซิล (3,317,096 ราย) อินเดีย (2,589,208 ราย) รัสเซีย (917,884 ราย) และแอฟริกาใต้ (583,653 ราย) พบผู้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 181 จาก 193 ประเทศทั่วโลก