วันนี้ (3 กรกฎาคม) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ น.ท. สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แถลงถึงความพร้อมของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพร้อมในการรองรับผู้โดยสารที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยตามประกาศ ของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
น.ท. สุธีวัฒน์ กล่าวว่า ตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ออกประกาศเรื่อง เงื่อนไขในการอนุญาตให้อากาศยานทำการบินเข้าออกประเทศไทย (ฉบับที่ 2) เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งตามประกาศดังกล่าวได้กำหนดให้อากาศยานที่ขนส่งบุคคล สามารถทำการบินมายังท่าอากาศยานในประเทศไทย รวมถึงบุคคลจะเดินทางเข้าประเทศไทยทางอากาศยานต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนฯ เท่านั้น
ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามแนวทางการปฏิบัติตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และข้อกำหนดทางกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงได้มีการประสานการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงาน ราชการ สายการบินต่างๆ และผู้ปฏิบัติงานภายในท่าอากาศยานฯ เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานร่วมกันให้สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาล
โดยได้กำหนดมาตรการต่างๆ อย่างการตั้งจุดคัดกรองของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ การจัดเตรียมพื้นที่ตั้งห้องปฏิบัติการสำหรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยระบบการตรวจหาสารคัดหลั่งทางพันธุกรรมหรือ PCR ซึ่งมีความรวดเร็วและแม่นยำถึงร้อยละ 95 และจะสามารถทราบผลตรวจได้ภายใน 90 นาที
โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้มีการจัดเตรียมพื้นที่บริเวณ Gate D3 และ D4 ไว้เป็นห้องพักคอยสำหรับผู้โดยสารที่ต้องรอผลตรวจ ซึ่งภายในห้องดังกล่าวมีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ และจัดที่นั่งให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) รวมทั้งมีห้องน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวก มีน้ำดื่มไว้ให้บริการ นอกจากนี้ท่าอากาศยานยังจัดให้มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก และให้คำแนะนำผู้โดยสารในการกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม (ใบ ต.8) การโหลดแอปพลิเคชันติดตามตัว รวมถึงการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ด้วย สำหรับผู้โดยสารชาวไทยยังคงต้องผ่านกระบวนการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามมาตรการของรัฐ และเข้ารับการกักตัวในสถานที่รัฐจัดเตรียมไว้ให้ (State Quarantine) เป็นระยะเวลา 14 วันเช่นเดิม
ในส่วนค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 รายละประมาณละ 3,000 บาท ซึ่งเมื่อตรวจเชื้อแล้วผลเป็นบวก ก็จะส่งต่อโรงพยาบาลที่ทางผู้เดินทางได้ทำประกันไว้ หรือส่งต่อให้กับโรงพยาบาลในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อรับการรักษาต่อไป